กกต. ร่อนหนังสือชี้แจง ปมกระแสข่าว "คดีฮั้ว สว.” ส่งฟ้องชุดใหญ่ 229 ราย 14 ก.ค. นี้ ไม่เป็นความจริง
กกต. ร่อนหนังสือชี้แจง ปมกระแสข่าว "คดีฮั้ว สว.” ส่งฟ้องชุดใหญ่ 229 ราย 14 ก.ค. นี้ ไม่เป็นความจริง
วันที่ 12 ก.ค. 2568 ตามที่สื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ รายงานข่าวว่า "คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 เตรียมเสนอสำนวนเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่เพื่อฟ้องผู้เกี่ยวข้องกับคดีฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา จำนวน 229 ราย ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568" นั้น
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยสำนวน ดังกล่าวขณะนี้ยังอยู่ใน "ขั้นตอนที่ 1" ชั้นคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และระยะเวลาที่ขยาย ซึ่งจะครบกำหนดการขอขยายระยะเวลาในวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
สำนวนดังกล่าวจึงยังไม่ได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใดการพิจารณาสำนวนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาด พเศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 มีขั้นตอนการพิจารณาออกเป็น 4 ดังนี้
ขั้นที่ 1 เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้รับสำนวนแล้ว ให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนและจัดทำความเห็น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้จัดส่งสำนวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(ส่วนกลาง) โดยเร็ว
ขั้นที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ส่วนกลาง) ได้รับสำนวนแล้วให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนผู้รับผิดชอบสำนวนดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็นเสนอผ่านผู้อำนวยการการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และและเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมาย)
ขั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้วจะทำความเห็น และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอสำนวนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณา
ขั้นที่ 4 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับสำนวนจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว ต้องพิจารณาชีขาดหรือสังการโดยเร็ว
ทั้งนี้ เมื่อคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง ชุดที่ 26 ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จแล้วต้องเสนอสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อดำเนินการต่อไป (ขั้นที่ 2)
อนึ่ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอความร่วมมือสื่อมวลชนและผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ก่อนเผยแพร์ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชน