เมื่อนาฬิกากรรมทำงาน…ต้องดิ้นพล่านด่ากราด

หลายคนที่เชื่อเรื่องเวรกรรมและมองว่า สทร.ทำกรรมไว้กับประเทศมากมาย เคยบ่นว่าแม้กรรมจะมีจริง แต่ทำไมนาฬิกากรรมมันเดินช้า มันไม่ทันใจที่พวกเขาอยากจะเห็นคนที่ทำกรรมกับประเทศถูกกรรมไล่ล่า แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าเวลาของนาฬิกากรรมทำงานแล้ว สทร.และลูกสาวกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย เหมือนโดนศาสตราวุธหลายสิบอย่างพุ่งเข้าทิ่มแทง จนทำให้ สทร.ที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาดูเงียบๆ สงบเสงี่ยมเจียมตน ไม่อาจจะนิ่งเฉยอีกต่อไป ต้องออกมาสำแดงว่าเขาเป็นคนเก่งที่จะช่วยประเทศชาติได้ โดยเฉพาะเรื่อง

เศรษฐกิจของประเทศนั้น ถ้าหากไม่ใช่เขาแล้ว ก็ไม่มีใครจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่พฤติกรรมการครอบงำ การบัญชาการให้พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลนั้น มันเห็นชัดยิ่งกว่าชัด

ดังนั้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศเป็นเช่นไร มันก็น่าจะมาจากฝีมือของ สทร.อย่างแน่นอน สิ่งที่เราเห็นคือรัฐบาลนี้ที่มี สทร.กำกับนั้น บริหารเศรษฐกิจของประเทศได้แย่มาก ทำให้เศรษฐกิจของประเทศทรุดหนัก ดิ่งลงเหวแทบทุกด้าน ขนาดมีความจริงเชิงประจักษ์เช่นนี้แล้ว สทร.ยังกล้าบิดเบือนว่าการที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นเช่นนี้นั้น เป็นเพราะมีการทำรัฐประหาร ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจของประเทศในช่วงที่มีรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารสามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้หลายเรื่อง และปัญหาหลายอย่างก็มาจากการการบริหารงานที่ล้มเหลวและโกงกินจากรัฐบาลภายใต้การกำกับของ สทร. นอกจากรัฐบาลจากการทำรัฐประหารจะแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้แล้ว ยังมีการพัฒนาอีกหลายด้าน มีผลงานให้เห็นเป็นประจักษ์อย่างชัดเจนและเมื่อรัฐบาลนี้บริหารเศรษฐกิจของประเทศได้ห่วยแตก ทำให้คนจำนวนมาก ทั้ง FC ของลุงตู่และคนที่เคยด่าลุงตู่ต่างก็พากันคิดถึงลุงตู่ และตระหนักรู้แล้วว่า สทร.และลิ่วล้อของเขาขี้โม้

เมื่อนาฬิกากรรมทำงาน สทร.คงมองเห็นว่ากรรมกำลังไล่ล่าเขามาอย่างน่ากลัว ทั้งหมอดูและนักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่านาฬิกากรรมน่าจะลงทัณฑ์ สทร. ลูกสาว และลิ่วล้อที่ทำตัวเป็นข้าทาสบริวารไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ สทร.จึงต้องออกมาดิ้นพล่านด่ากราดโทษคนนั้นคนนี้หลายเรื่อง แบบชนิดที่ว่าตัวเองและลูกสาวไม่ได้มีความผิดอันใด ถ้าหากจะมีใครผิดก็ต้องเป็นคนอื่น และที่แย่ไปกว่านั้น กระบวนการยุติธรรมก็ผิด เขาพยายามจะบอกให้ด้อมแดง FC ของเขาเชื่อว่าทุกคดีที่เขาโดนนั้นเป็นการใส่ร้าย เป็นการกลั่นแกล้งตัวเขา เป็นวาทกรรมเรื่อง “นิติสงคราม” คือการใช้กฎหมายในการกำจัดให้ตัวเขาให้หลุดพ้นจากแวดวงทางการเมือง เขาพยายามจะให้ FC ของเขาเชื่อว่าคนที่ใช้นิติสงครามกลั่นแกล้งเขานั้น เป็นเพราะอิจฉาที่เขารวยและมีมวลชนสนับสนุนเป็นจำนวนมาก จนเขาแทบจะยึดครองประเทศไทยได้แล้ว เขาพูดจาอวดตนว่าตัวเองเก่งที่สุดในประเทศไทย จนถึงขนาดที่พูดว่าประเทศไทยขาดคนอย่างเขาไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้อง “เสือก” นี่คือการพยายามบอกว่าที่เขาต้องเสือกทุกเรื่องไม่ใช่การครอบงำรัฐบาล แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนเก่งกว่าใครๆ ทั้งๆ ที่ความจริงประเทศไทยจะดีกว่านี้ถ้าหากเขาเลิกยุ่งกับประเทศไทย เพราะเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว วางนโยบายอะไร ทำโครงการอะไร ก็มักจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน

เขาบอกว่าฝ่ายตรงกันข้ามใช้ “นิติสงคราม” กำจัดเขา แต่แท้ที่จริงเขาต่างหากที่พยายามใช้อำนาจอยู่เหนือกฎหมาย เขาต่างหากที่บดขยี้กระบวนการยุติธรรมของไทยมาหลายครั้งหลายคราแล้ว มีทั้งถุงขนม มีทั้งการจ้างผีโม่แป้ง หาแนวร่วมในการโกงกิน ใช้บริการนิติบริกรในการตีความกฎหมายเข้าข้างตนเอง ที่ผ่านมาทำการบดขยี้กระบวนการยุติธรรมได้หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ที่ต้องออกมาดิ้นพล่านก็เพราะว่าคดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจที่ศาลอาญาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังไต่สวนอยู่เวลานี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นคุณกับ สทร.เท่าใดนัก คนค่อนประเทศเฝ้ารอคอยผลการวินิจฉัยของศาลฎีกาอยู่ และคนส่วนใหญ่ก็หวังว่าการวินิจฉัยคดีนี้ของศาลน่าจะเป็นประโยชน์กับชาติ หากปรากฏว่าศาลตัดสินว่า สทร.ไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง และยังไม่ได้ติดคุกจริง สทร.จะต้องกลับไปเข้าคุกใหม่ แล้วประเทศไทยก็คงจะได้เดินหน้าพ้นออกจากอำนาจของ สทร.เสียที ถ้าหากต้องกลับไปเข้าคุก อย่าริอ่านด่าว่าศาลผิด กฎหมายผิด ตัวเองไม่ผิดอีกล่ะ

รัฐบาลของลูกสาวบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้ห่วยแตก เขาก็โยนความผิดไปให้การทำรัฐประหาร แต่หลายคนมองว่าการที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นเช่นนี้เพราะครอบครัวของ สทร. เป็นครอบครัวที่มีการโกงอย่างมหาศาล และเป็นตระกูลที่นำพาประเทศเข้าสู่วังวนรัฐประหาร รัฐบาลจากการทำรัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศแบบไม่มีเงิน เพราะรัฐบาลภายใต้การกำกับของ สทร. ทั้งน้อง ทั้งลูก ต่างก็สร้างหนี้ให้ชาติมหาศาล การสร้างหนี้สมัยลูกสาวบอกว่าจะเอามากระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเปรียบเทียบการบริหารเศรษฐกิจยุครัฐบาลรัฐประหาร และยุครัฐบาลประชาธิปไตยภายใต้การกำกับของ สทร. ความจริงเชิงประจักษ์ก็เห็นชัดเจนว่าเศรษฐกิจยุคลุงตู่ที่เป็นรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหารนั้น บริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่ารัฐบาลภายใต้การกำกับของ สทร. สิ่งนี้มีความจริงเชิงประจักษ์ให้เห็นมากมาย

เรื่องปราบยาเสพติด ก็ไปโทษว่ากระทรวงมหาดไทยทำงานไม่ได้ผล พรรคเพื่อไทยจึงต้องดึงเอากระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยมาเป็นของพรรค ทั้งๆ ที่ตำรวจที่มีหน้าที่ปราบยาเสพติดไม่ได้อยู่ภายใต้กระทรวงมหาดไทย แต่อยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นถ้าหากการปราบยาเสพติดไม่ได้ผล ก็ต้องโทษลูกสาวตัวเอง ไม่ใช่ไปโยนความผิดให้พรรคภูมิใจไทยที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ส่วนการที่เพื่อไทยอยากคุมมหาดไทยนั้น อย่าคิดว่าประชาชนเขาจะมองไม่ออกว่าพวกคุณต้องการได้เปรียบในการแข่งขัน เพราะมหาดไทยดูแลผู้ว่าราชการจังหวัดและการปกครองท้องถิ่น เลิกด่าเลิกโทษคนอื่นเถอะ สทร. ตอนนี้ตกยุคและหมดมนตร์ขลังไปมาแล้ว เตรียมตัวพบกับการฌาปนกิจได้เลยจ้า.