เงินเฟ้อ รุนแรงคนญี่ปุ่นกว่า 75% รู้สึกข้าวของแพงขึ้นมาก
ผลสำรวจ BOJ ล่าสุดเผย 3 ใน 4 ของชาวญี่ปุ่น หรือกว่า 75.3% รู้สึกราคาสินค้าพุ่งสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สะท้อน เงินเฟ้อ ที่ยังคงรุนแรง กระทบความเป็นอยู่ครัวเรือนแย่ลงอย่างชัดเจน ชี้สาเหตุหลักจากราคาที่สูงขึ้นและรายได้ที่ลดลง
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในวันนี้ (14 ก.ค.) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความกังวลอย่างลึกซึ้งของประชาชนชาวญี่ปุ่นต่อภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องต่อสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน โดย 75.3% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น "อย่างมาก" เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด
หากรวมผู้ที่ตอบว่าราคาขึ้น "เล็กน้อย" ด้วยแล้ว สัดส่วนของผู้ที่เชื่อว่าราคาสินค้าปรับขึ้นรวมทั้งหมดอยู่ที่ 96.1% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากสถิติสูงสุดเดิมที่เคยสำรวจไว้เมื่อเดือนมีนาคม ผลสำรวจนี้มาจากการศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมของประชาชน สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นหลักที่บีบคั้นชีวิตของคนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น
คาดการณ์ราคายังพุ่งต่อเนื่อง กระทบความเป็นอยู่ครัวเรือน
สำหรับแนวโน้มราคาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถาม 85.1% คาดว่าราคาจะยังคงสูงขึ้น ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 86.7% ในเดือนมีนาคม โดยอัตราการเพิ่มขึ้นที่คาดการณ์ไว้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 12.2% ในผลสำรวจครั้งก่อน ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนยังไม่เห็นสัญญาณการผ่อนคลายของภาวะเงินเฟ้อในอนาคตอันใกล้
ราคาที่สูงขึ้นส่งผลกระทบในแง่ลบต่อการรับรู้สภาพความเป็นอยู่ของครัวเรือนอย่างชัดเจน โดยผู้ตอบแบบสอบถามถึง 61.0% เผยว่าสถานการณ์ครัวเรือนของตนแย่ลงในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 55.9% ในขณะที่มีเพียง 3.8% เท่านั้นที่บอกว่าดีขึ้น ลดลงจาก 3.9%
ในกลุ่มผู้ที่บอกว่าสถานการณ์แย่ลงนั้น 93.7% ชี้ว่าราคาที่สูงขึ้นเป็นสาเหตุหลัก ตามมาด้วย 30.3% ที่อ้างถึงรายได้ที่ลดลง ซึ่งตอกย้ำว่าภาวะเงินเฟ้อและการที่รายได้ไม่เติบโตทันกับค่าใช้จ่าย เป็นแรงกดดันสำคัญต่อชีวิตประจำวันของประชาชน
ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจลดลง รายได้และการรับข่าวสารคือปัจจัยหลัก
ผลสำรวจดังกล่าวดำเนินการทางไปรษณีย์ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 3 มิถุนายน โดยส่งแบบสอบถามไปยังผู้ใหญ่ 4,000 คนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และมีผู้ตอบกลับที่ถูกต้อง 50.4%
ในส่วนของความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดยรวม ผู้ตอบแบบสอบถาม 70.5% ระบุว่าสภาพเศรษฐกิจแย่ลงเมื่อเทียบกับปีก่อน มีเพียง 3.5% เท่านั้นที่ระบุว่าสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น
เมื่อถามถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจ 42.8% ประเมินจากระดับรายได้ของตนเองหรือสมาชิกในครอบครัว ตามมาด้วย 39.0% ที่ประเมินจากรายงานข่าว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนรับรู้โดยตรงจากกระเป๋าเงินและจากสื่อมวลชนเป็นตัวกำหนดมุมมองต่อสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ