HANN ยันผู้บริหารกอดหุ้นแน่น ชี้กรรมการขายเพียงส่วนน้อย ครึ่งปีหลังแกร่ง เดินหน้าขยายตลาดไทย–ลาว ปักธงรายได้ปี 2568 โตแตะ 500 ล้านบาท
HANN ชี้แจงข่าวการขายหุ้น ย้ำผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ล็อกหุ้นแน่น ไม่มีการขายแม้แต่หุ้นเดียว ส่วนการขายหุ้นที่เกิดขึ้นเป็นเพียงส่วนน้อยจากกรรมการและพนักงานที่ได้รับสิทธิ์ตาม IPO มั่นใจครึ่งปีหลังโตแกร่ง รับปัจจัยฤดูกาล-เดินหน้าขยายตลาดทั้งไทยและสปป.ลาว ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 แตะ 500 ล้านบาท
นางประภาศรี สุฉันทบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN เปิดเผยว่า สำหรับกรณีข่าวการขายหุ้นของผู้บริหาร บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่สองตระกูลหลัก ได้แก่ ครอบครัวสุฉันทบุตร และครอบครัววิริยะพันธ์ ที่ถือหุ้นรวมกันกว่า 96% ไม่ได้มีการขายออกไปแม้แต่หุ้นเดียว โดยหุ้นส่วนใหญ่ของผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ 55% เป็น Silent ถูกล็อกไว้ตามกฎของ ก.ล.ต. ส่วนการขายหุ้นที่มีข่าวออกไปนั้น เป็นส่วนของพนักงานและกรรมการอิสระที่ได้รับสิทธิ์จองซื้อหุ้น IPO ซึ่งมีจำนวนไม่มาก และเป็นการขายในฐานะนักลงทุนรายย่อยทั่วไป ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
โดยผู้บริหารและกรรมการเหล่านี้ถือหุ้นเพียงประมาณ 1 ล้านหุ้น ในขณะที่พนักงานทั้งหมดรวมกันประมาณ 14 ล้านหุ้น นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่อื่นๆ ที่เป็นลูกสาวและน้องสาวของประธานบริษัท คือ แพทย์หญิงกลางดาว ชีรณวณิต และทันตแพทย์หญิงกัญรัตน์ อินแก้ว ยังยืนยันว่าจะไม่ขายหุ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ นางประภาศรียังย้ำถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ โดยระบุว่า การลงทุนในโรงพยาบาลไม่ใช่เพียงแค่การประกอบธุรกิจที่สร้างรายได้และกำไร แต่ยังเป็นการสร้างคุณูปการแก่สังคม ด้วยการช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นจากความทุกข์ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค และส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ท้องถิ่น ถือเป็นการลงทุนที่ได้เงินและได้บุญ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ส่วนทิศทางการเติบโต ปี 2568 บริษัทฯ วางเป้ารายได้รวมที่ 500 ล้านบาทขึ้นไป แม้เผชิญความท้าทายจากสถานการณ์ในกัมพูชาที่ส่งผลกระทบต่อรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ที่จำนวนผู้ป่วยจากกัมพูชาลดลงอย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไตรมาส 4 แต่บริษัทฯ ยังมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้จากปัจจัยฤดูกาลที่ผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงการเร่งขยายตลาดในประเทศไทยและสปป.ลาวเพื่อทดแทนรายได้ที่หายไป
ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีรายได้ราว 235 ล้านบาท แม้จะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้รวมเมื่อปี 2567 ที่ 490 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ตามสถิติแล้วรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังมักสูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกเฉลี่ยราว 8% เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนและฤดูหนาวที่มีอัตราการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคไข้หวัดและไข้เลือดออกที่พบมากในภูมิภาคนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยดันยอดผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลให้สูงขึ้นตามธรรมชาติ
ทั้งนี้ โครงสร้างรายได้ครึ่งปีแรกยังคงพึ่งพาตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยลูกค้าไทยคิดเป็น 77% ของรายได้ทั้งหมด ขณะที่ลูกค้าจากลาวเพิ่มขึ้นคิดเป็น 17% และมีสัญญาณขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนกัมพูชาซึ่งเคยสร้างรายได้ถึง 9% ในปีก่อน ลดลงเหลือเพียง 4% จากอุปสรรคด้านนโยบายชายแดนและความกังวลของผู้ป่วยเกี่ยวกับการเดินทางข้ามประเทศ ซึ่งทำให้แม้แต่กลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูงก็ไม่กล้าเข้ามารักษาในไทยในช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกหลายด้าน ทั้งการรุกตลาดลาวมากขึ้น โดยเน้นแนวแม่น้ำโขงและการส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลในมุกดาหารและยโสธร การประชาสัมพันธ์โครงการผ่าตัดล่วงหน้าสำหรับข้าราชการและครอบครัวที่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้โดยตรงกับกรมบัญชีกลาง ซึ่ง HANN มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะการผ่าตัดนิ่วซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในไทย ลาว และกัมพูชา อีกทั้งยังเร่งสร้างเครือข่ายกับบริษัทประกันสุขภาพที่กำลังขยายตัวในตลาดไทย
อีกทั้งโรงพยาบาลยังเดินหน้าขยายบริการล้างไตจาก 31 เครื่องเป็น 39 เครื่อง เพิ่มขึ้น 25% เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น โดยบริการนี้ถือเป็นรายได้ที่มั่นคงเพราะรัฐบาลชำระค่ารักษาให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประกันสังคม ข้าราชการ หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค รวมถึงการผลักดันแพ็กเกจการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) เจาะกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดี ซึ่งบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ พร้อมนำเสนอราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ
ด้านการตลาด บริษัทฯ ตั้งงบประชาสัมพันธ์และการตลาดราว 20 ล้านบาทต่อปี เพื่อสร้างการรับรู้และเสริมความเชื่อมั่นในบริการ ทั้งผ่านดารา อินฟลูเอนเซอร์ และการขยายทีมขาย ขณะเดียวกันยังลงทุนเสริมบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน GMP และ FDA รวมถึงตั้งทีม Quality Management และทีมต่างประเทศเพื่อรองรับการเติบโตระดับภูมิภาคในอนาคต