ดอลลาร์แข็งค่า รับความเป็นไปได้ของสันติภาพ รัสเซียและยูเครน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า รับความเป็นไปได้ของสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังโดนัลด์ ทรัมป์ มอบหมายให้ทีมงานเร่งจัดทำกรอบหลักประกันความมั่นคง เพื่อผลักดันสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 20 สิงหาคม 2568 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (20/08) ที่ระดับ 32.60/63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (19/08) ที่ระดับ 32.47/50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้มอบหมายให้ทีมงานเร่งจัดทำกรอบหลักประกันความมั่นคง เพื่อผลักดันสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครน
ทางด้านแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวแถลงต่อนื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (19/08) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการสำหรับการพบปะระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัฐเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน โดยทั้งสองฝ่ายต่างแสดงท่าทีพร้อมเจรจา
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ โดยยืนยันว่าจะไม่มีทหารอเมริกันเข้าร่วมรบในภาคพื้นดินยูเครน แต่สหรัฐอาจให้การสนับสนุนในรูปแบบอื่น เช่น การสนับสนุนทางอากาศ พร้อมย้ำชัดว่า ยูเครนจะไม่เข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ (NATO)
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงในวันอังคาร (19/08) ว่า สหรัฐได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่เป็นส่วนประกอบในสินค้ากว่า 400 รายการ ซึ่งรวมถึงกังหันลม เครนเคลื่อนที่ เครื่องใช้ไฟฟ้า รถเกลี่ยดินและเครื่องจักรสำหรับงานหนักประเภทอื่น ๆ ตลอดจนเหล็กและอะลูมิเนียมที่เป็นส่วนประกอบในรถไฟ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์เรือ เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกหลายร้อยรายการ
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ทางกระทรวงได้เพิ่มประเภททสินค้า 407 ประเภทในรายการสินค้าอนุพันธ์ (Derivative) ของเหล็กและอะลูมิเนียมที่อยู่ภายใต้การจัดเก็บภาษีนำเข้ารายภาคส่วน (Sectoral tariffs) โดยจะมีการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 50% สำหรับส่วนประกอบที่เป็นเหล็กและอะลูมิเนียมในสินค้าเหล่านี้ บวกกับอัตราภาษีของแต่ละประเทศสำหรับส่วนประกอบที่ไม่ใช่เหล็กและอะลูมิเนียม
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ (20/08) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับตัวแทนสมาคมการค้าพืชไร่ สมาคมการค้าและผลิตพืชไร่ และชาวไร่ข้าวโพด จ.เพชรบูรณ์ว่า ได้รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากกรณีราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาปากท้องของเกษตรกรอย่างเร่งด่วน โดยได้หารือกับโรงงานผู้ผลิตอาหารสัตว์แล้ว และยืนยันว่าภายในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะมีการเปิดรับซื้อข้าวโพดในทุกโรงงาน ตามราคาที่กำหนดไว้ที่ 9.80 บาท/กิโลกรัม ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ปลูกข้าวโพด
ด้านตัวแทนชาวไร่ข้าวโพด จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ปีนี้ราคาข้าวโพดตกต่ำกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุนหนัก โดยปัจจุบันข้าวโพดที่มีความชื้อ 30% ราคาอยู่ที่ประมาณ 5 บาท/กิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิต สูงถึงไร่ละกว่า 6,600 บาท จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ไขปัญหา
นอกจากนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า จะเสนอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาว่างบประมาณที่เหลืออยู่อีก 2.4 หมื่นล้านบาท จะนำไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลืออย่างไร จากก่อนหน้านี้ ที่ได้ดำเนินการอนุมัติไปแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 1.15 แสนล้านบาท และครั้งที่สองอีก 1.8 หมื่นล้านบาท รวมแล้วเป็น 1.33 แสนล้านบาท ทั้งนี้มีรายงานว่าจะมีการปรับงบประมาณที่เหลือในก้อนนี้ เป็นงบกลางฉุกเฉิน ที่ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติ
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.55-32.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.54/55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (20/08) ที่ระดับ 1.1628/29 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (19/08) ที่ระดับ 1.1680/81 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร จากการที่ตลาดหุนยุโรปเปิดบวกในการซื้อขายวันนี้ (20/08) หลังจากที่เพิ่งปิดบวกสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือนในวันอังคาร (19/08) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งถูกเทขายตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะที่หุ้นกลุ่มกลาโหมถูกเทขายขานรับความหวังยุติสงครามยูเครน
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1621-1.1646 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1638/39 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (20/08) ที่ระดับ 147.57/58 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (19/08) ที่ระดับ 147.76/77 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ จากการที่สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (20/08) ว่า คำสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของประเทศขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบรายไตรมาสแตะ 2.77 ล้านล้านเยน (ราว 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังปรับตามฤดูกาล ซึ่งถือเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานจากภาคเอกชนของญี่ปุ่น ซึ่งไม่รวมเรือและอุปกรณ์ไฟฟ้า ถือเป็นตัววัดการลงทุนและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่สำคัญ เมื่อแยกตามอุตสาหกรรม ยอดคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตเพิ่ม 1.5% โดยได้แรงหนุนจากโลหะนอกกลุ่มเหล็ก ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและถ่านหิน รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเคมี แต่คำสั่งซื้อจากค่ายรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนลดลง 11.3% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 จากความกังวลต่อมาตรการภาษีของสหรัฐ
นอกจากนี้กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (20/08) ว่า ยอดส่งออกร่วงลง 2.6% ในเดือน ก.ค. แตะที่ระดับ 9.36 ล้านล้านเยน เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี หรือนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 และลดลงอย่างมากจากเดือน มิ.ย.ที่ขยับลงเพียง 0.5% นอกจากนี้ ยอดส่งออกเดือน ก.ค.ยังย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.1% ยอดส่งออกเดือน ก.ค.ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐ ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร
ส่วนยอดนำเข้าเดือน ก.ค.ปรับตัวลง 7.5% แตะระดับ 9.48 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 เดือน ทั้งนี้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าลดลง 81.3% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.175 แสนล้านเยน (795 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าลดลงอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของราคาพลังงาน ทำให้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 147.12-147.69 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 147.49/50 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ (20/08), รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) (21.08), จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (21/08), ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย เดือน ส.ค. (21/08), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภารการผลิตเดือน ส.ค. (21/08), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ เดือน ส.ค. (21/08), ยอดขายบ้านมือสอง เดือน ก.ค. (21/08), การกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (22/08)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.3/-8.15 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.3/-5.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์แข็งค่า รับความเป็นไปได้ของสันติภาพ รัสเซียและยูเครน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net