รถไฟฟ้า 20 บาท “เรือธง”ไม่ตรงปก!?
เมืองไทย 360 องศา
แน่นอนว่านโยบาย “ค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ย่อมต้องถูกอกถูกใจคนไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ต้องใช้บริการรถไฟฟ้าที่แพงหูฉี่ รวมไปถึงคนที่กำลังขับรถที่ต้องเติมน้ำมันราคาแพงอยู่ในเวลานี้ และสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว ก็ย่อมมั่นใจได้เลยว่าหากทำได้สำเร็จก็ย่อมต้องได้คะแนนเสียงมากมายแน่นอน โดยเฉพาะเสียงจากคนกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน
ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจมากว่าสามารถผลักดันได้สำเร็จ และที่ผ่านมาก็มีการนำร่องบังคับให้ “สายสีแดง” ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และสายสีม่วง ที่อยู่ในการกำกับดูแลของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยคิดค่าโดยสารราคา 20 บาทไปแล้ว และมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีการจ่ายชดเชยอยู่ดี
สำหรับค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ถือว่าเป็นอีกนโยบาย “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย ที่เวลานี้อยู่ภายใต้การผลักดันของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และมีการยืนยันมาตลอดว่า ได้ใช้แน่ และมีการประชาสัมพันธ์ให้เริ่มลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม เป็นต้นไป มั่นใจว่าจะได้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป
แต่ล่าสุดก็ออกมายอมรับแล้วว่า “ไม่ทัน” ต้องเลื่อนออกไป อ้างว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้องสามฉบับผ่านสภาไม่ทัน ซึ่งความล่าช้าดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐบาล “เสียงปริ่มน้ำ” รวมไปถึงการขาดการวางแผน ประเภท “ไปตายเอาดาบหน้า” นั่นแหละ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่ง รมว.คมนาคม ได้บอกว่า การใช้รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ต้องมีการผ่านกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ…. ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ.2543 (พ.ร.บ.รฟม.) ที่ผ่านมา ทราบดีว่ามีปัญหาเรื่ององค์ประชุมสภาฯ ทำให้กฎหมายล่าช้า
จึงพยายามคิดแผนสองว่า 1ต.ค.นี้ จะของบกลางเข้ามาช่วยได้หรือไม่ ได้ปรึกษาไปทางกฤษฎีกา ก็ได้คำตอบว่าหากจะใช้งบกลาง ต้องมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่เข้าองค์ประกอบ จึงคิดแผนต่อไปกรณีที่กฎหมายไม่ผ่าน เราจะออกระเบียบได้หรือไม่ เพื่อให้มีผลย้อนหลัง กฤษฎีกาก็บอกว่า ทำไม่ได้ เราพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้ คือ เรามีพ.ร.บ.ตั๋วร่วม คิดว่าจะพยายามผ่านกฎหมายนี้ในสภาฯ ให้จบได้รวมถึง พ.ร.บ. รฟม. หากผ่านตรงนี้ไปได้ ตามกระบวนการหลังโปรดเกล้าฯ ก็ต้องออกกฎหมายลูก และมีกระบวนการต่างๆ เช่นการรับฟังความคิดเห็นใช้เวลา 15 วัน และเพื่อทำให้เร็ว ตนจะเสนอ ครม. ให้เว้นการฟังความคิดเห็น เนื่องจากโครงการ 20 บาทตลอดสาย เป็นผลบวกกับประชาชน ไม่มีผลลบ ซึ่งกฤษฎีกาบอกว่า ทำได้ ถ้าเป็นไปตามนี้ก็จะสามารถใช้รถไฟฟ้า 20 ตลอดสายได้ ในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้
ถามว่าช้าไปหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับประโยชนที่ประชาชนจะได้รับ ถือว่าเยอะ จึงต้องกราบขอโทษประชาชน ที่รอความหวัง เมื่อถามว่าหลังพ้นวันที่ 30 ก.ย. ประชาชนจะต้องจ่ายค่าโดยสารราคาเต็ม ใช่หรือไม่ จนกว่ากฎหมายจะผ่าน นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกครับ
ถาม ถึงสายสีแดง และสายสีม่วง จะต้องมีการขยายเวลาในราคา 20 บาท ใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ยังใช้ราคาเดิมได้ และไม่สิ้นสุดสิ้นเดือนก.ย. เป็นความเข้าใจผิด ข้อมูลที่ออกไปไม่ถูกต้อง เพราะสามารถใช้ได้เรื่อยๆ จนกว่า 20 บาทตลอดสายจะมา เมื่อถามว่าในขั้นวุฒิสภา จะมีอะไรที่ทำให้ล่าช้า หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าวุฒิสภาจะมองเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะกฎหมายก็เป็นเรื่องของกฎหมาย คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ดี นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายดังกล่าว มีเสียงท้วงติงออกมา เป็นอีกนโยบายที่พรรคการเมืองนำมาใช้เพื่อเรียกความนิยม และการหาเสียงเท่านั้น แต่จะสร้างภาระหนี้ให้กับประชาชนทั่วประเทศในระยะยาว โดยเสียงวิจารณ์ ให้เหตุผลว่า โครงสร้างสัญญาสัมปทานของรถไฟฟ้าแต่ละสายไม่เหมือนกัน โดยจะก่อภาระแก่งบประมาณโดยรัฐบาลจะต้องจ่ายเงินชดเชยรายได้ให้กับเอกชนจำนวนมหาศาล โดยเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่าปีละ 1.5 ถึง 2 หมื่นล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกตามการขยายเส้นทางออกไป
นอกเหนือจากนี้ การจ่ายเงินชดเชยรายได้ ยังถูกมองว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนเกินความจำเป็น เป็นการให้สัญญาเกินจริง จะสร้างปัญหาทางการคลังในอนาคตตามมาอีก
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า จากการคำนวณเงินชดเชยรถไฟฟ้า 20 บาท พบว่าจะใช้เงินชดเชยประมาณกว่า 7 พันล้านบาท แต่หากคิดจากค่าโดยสารสูงสุด นโยบายนี้อาจใช้เงินสูงถึงกว่า 1 หมื่น 7 พันล้านบาทต่อปีทีเดียว ในขณะที่คณะรัฐมนตรี ได้เสนอกรอบวงเงินชดเชยรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ในงบประมาณประจำปี 2569 ไว้ที่ 5,512 ล้านบาท และท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าใช้เงินภาษีของประชาชนทั่วประเทศมาอุดหนุนคนกรุงเทพเท่านั้น
คำว่า “ให้สัญญาเกินจริง” หรือการ “หาเสียงเกินจริง” ฟังแล้วก็ไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมามีหลายนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ให้สัญญาแล้วทำไม่ได้ หรือเรียกว่า “ไม่ตรงปก” และหากบอกว่านโยบาย “เรือธง” ที่ล้มเหลวก็คือ นโยบาย “แจกเงินหมื่นดิจิทัล” ที่ล้มคว่ำไม่เป็นท่า นี่ยังไม่นับเรื่องค่าแรง นโยบายปริญญาตรี 25,000 บาท เป็นต้น และอีกมากมายหลายเรื่องที่หาเสียงแล้วทำไม่ได้ กลายเป็นว่า “พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น” นั้นเวลานี้ไม่ต่างจาก “ขี้โม้” คำโต
เวลานี้ถือว่าพรรคเพื่อไทย และรัฐบาล และระดับแกนนำพรรคต่างมาถึงยุคที่ไร้จุดขาย ทุกเรื่องที่ออกมาล้วนไม่เข้าตาชาวบ้านเลย เวลานี้ถือว่าแม้แต่ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “เรือธง” ของพรรค เวลานี้ก็น่าจะ “ใกล้จม” เต็มทีแล้ว และล่าสุดนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ถือว่าจะเป็น “ทีเด็ด” ที่เหลืออยู่เพื่อหวังเรียกคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพฯและปริมณฑลเกิดล้มเหลวทำไม่ได้หรือไม่ตรงปกขึ้นมาอีก ก็ต้องบอกว่า “จบเห่” ในสนามเลือกตั้งแน่นอน
ดังนั้นก็ต้องจับตากันต่อว่า “เรือธง” ลำนี้ จะแล่นไปได้ถึงฝั่งตามที่คุยโวเอาไว้ หรือว่าจะจมลงเสียก่อน เหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้วเรื่องงบอุดหนุนชดเชยเอกชนต่อปีแล้วชาวบ้านทั่วไปส่อต้องแบกหนี้กันอ่วมแน่ !!
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO