เลือกต่อประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้มค่า เหมาะกับไลฟ์สไตล์?!
การต่อประกันรถยนต์เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกปี แต่หลายคนอาจรู้สึกว่าการเลือกประกันภัยรถยนต์เป็นเรื่องยุ่งยากและน่าปวดหัว เพราะในปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายในตลาด แถมเบี้ยประกันก็ดูเหมือนจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าเรามีเทคนิคการเลือกที่ถูกต้อง การต่อประกันรถยนต์ก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมยังจะช่วยให้เราจ่ายเบี้ยฯ ได้ถูกลง และได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับไลฟ์สไตล์ของเราอีกด้วย
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงเทคนิคการเลือกต่อประกันรถยนต์ เพื่อช่วยให้คุณทำประกันภัยรถยนต์ได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว
ทำไมการต่อประกันรถยนต์ถึงสำคัญ?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ประกันรถยนต์ ไม่ใช่แค่หน้าที่ตามกฎหมาย แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น อุบัติเหตุรถชน ไฟไหม้ หรือรถหาย ซึ่งอาจทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากไม่มีประกันรองรับไว้ แต่ถ้าเรามีประกันภัยที่เหมาะสม ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็จะถูกโอนไปให้บริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้เราไม่ต้องควักเงินก้อนใหญ่มาจ่ายเอง
เทคนิคการเลือกประกันรถยนต์ให้คุ้มค่าและเหมาะกับไลฟ์สไตล์
ไม่ว่าจะเป็นการเลือกต่อประกันรถยนต์กับเจ้าใหม่ หรือใช้เจ้าเดิม ไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ใช้ได้กับทุกคน เพราะไลฟ์สไตล์การขับขี่และงบประมาณของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้
รู้จักประเภทประกันรถยนต์และเลือกให้เหมาะสม
ประกันรถยนต์มีหลายประเภท แต่ที่ได้รับความนิยมคือ ประกันชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 3+, และชั้น 3
ประกันชั้น 1:คุ้มครองครอบคลุมที่สุด เหมาะสำหรับรถใหม่ หรือผู้ที่ขับขี่บ่อยและต้องการความสบายใจสูงสุด
ประกันชั้น 2+ และ 3+:คุ้มครองคล้ายคลึงกับชั้น 1 แต่เบี้ยถูกกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมในราคาที่ย่อมเยา
ประกันชั้น 3:คุ้มครองเฉพาะความเสียหายของคู่กรณี เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่น้อย หรือรถที่มีอายุมาก
หากคุณขับรถไม่บ่อยและส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงอุบัติเหตุน้อย ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ประกันชั้น 1 ที่เบี้ยแพงกว่ามาก แต่หากคุณต้องขับรถในเมืองที่การจราจรหนาแน่น หรือใช้รถทุกวัน การเลือก ประกันชั้น 1 อาจให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
พิจารณาไลฟ์สไตล์การขับขี่
ขับขี่น้อย: หากคุณใช้รถเฉพาะวันหยุด หรือเดินทางระยะใกล้ ๆ บริษัทประกันบางแห่งมีตัวเลือก ประกันรถยนต์แบบขับน้อย(Pay as you drive) ซึ่งคิดค่าเบี้ยตามระยะทางที่ใช้จริง ช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้มาก
รถอายุเยอะ:หากรถของคุณมีอายุมากกว่า 7-10 ปี การทำ ประกันชั้น 1อาจมีเบี้ยที่สูงมาก การเปลี่ยนเป็น ประกันชั้น 2+ หรือ 3+อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
ใช้รถเชิงพาณิชย์: หากใช้รถในเชิงธุรกิจ เช่น รถรับส่ง หรือรถขนส่ง ควรเลือกประกันที่ครอบคลุมการใช้งานประเภทนี้โดยเฉพาะ
เลือกวงเงินคุ้มครองและค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)
วงเงินคุ้มครองเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากเลือกวงเงินที่สูง เบี้ยก็จะสูงตามไปด้วย แต่ถ้าเลือกวงเงินต่ำเกินไป อาจไม่เพียงพอเมื่อเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ๆ
ส่วน ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คือ จำนวนเงินที่เราต้องจ่ายเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่การเลือกค่า Deductible ที่สูงขึ้น ก็จะช่วยให้เบี้ยประกันถูกลงได้เช่นกัน ดังนั้น หากคุณเป็นคนขับรถอย่างระมัดระวัง การเลือก Deductible ที่สูงขึ้นอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
หากต้องการเปลี่ยนประกันรถยนต์ไปเจ้าอื่น ควรเลือกจากอะไร?
เมื่อประกันรถยนต์ใกล้หมดอายุ หลายคนอาจอยากลองเปลี่ยนไปใช้บริษัทประกันภัยอื่นเพื่อมองหาตัวเลือกที่ดีกว่า หากต้องการเปลี่ยนประกันให้คุ้มค่าในระยะยาว ควรพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้
เปรียบเทียบความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัย
อย่าตัดสินใจเลือกจากราคาถูกที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ให้เปรียบเทียบวงเงินความคุ้มครองและเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละบริษัท โดยเฉพาะในส่วนของความเสียหายต่อตัวรถ ความคุ้มครองของบุคคลภายนอก และความคุ้มครองเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่อาจมีให้
ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของบริษัทประกัน อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือสอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทมีการบริการที่ดีเมื่อถึงเวลาต้องเคลมจริง ๆ
บริการหลังการขาย
บริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราอุ่นใจในยามฉุกเฉิน เช่น ความรวดเร็วในการติดต่อประสานงาน, จำนวนศูนย์ซ่อมในเครือ, และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน (Roadside Assistance) หากบริษัทประกันมีบริการเหล่านี้ครอบคลุมก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้มาก
การทำสัญญาและความโปร่งใส
ตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาอย่างละเอียด สอบถามเงื่อนไขที่อาจไม่ชัดเจน ให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ เช่น ข้อยกเว้นการคุ้มครอง หรือเงื่อนไขในการเคลมต่าง ๆ
การเลือกต่อประกันรถยนต์ให้คุ้มค่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเบี้ยแพงเสมอไป แต่ต้องอาศัยการวางแผนและพิจารณาจากปัจจัยรอบด้าน ทั้งประเภทประกันภัย, ไลฟ์สไตล์การขับขี่, ส่วนลดต่างๆ และความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย หากเราทำตามเทคนิคเหล่านี้ การต่อประกันรถยนต์ครั้งต่อไปของคุณก็จะเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น