โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“TrueVisions NOW” พลิกเกมสู้ รู้ทางรอด จัดเต็มแพคเกจOTT

Manager Online

เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • MGR Online

การตลาด - วันนี้ไม่มีพรีเมียร์ลีก อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ และก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับทรูวิชั่นส์ สถานการณ์แบบนี้เคยเจอมาแล้วเมื่อ 12 ปีก่อน หลุดมือครั้งนี้อาจจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้นกว่าเดิมเพราะพรีเมียร์ลีกอาจไม่ใช่ Content is Kings อีกต่อไป เหตุต้นทุนสูงแต่ทำรายรับต่ำ แถมฐานสมาชิกหดตัว เพราะพฤติกรรมผู้ชมเปลี่ยนดูทีวีน้อยลงแต่ดูผ่านสื่ออื่นที่ไม่ใช่ทีวีมากขึ้น ทำให้ฐานสมาชิกที่เคยมีสูงสุดเกิน 4 ล้านราย ลดลงต่อเนื่องจนล่าสุดเหลือ 1.1 ล้านราย กลายเป็น “ความท้าทาย” ใหม่ (New Challenge) ของทรูวิชั่นส์ จากผู้นำ Pay TV สู่น่านน้ำใหม่ OTT ในชื่อ “TrueVisions NOW” เบนเข็มจากสมาชิกแพลทินัมพ่อเงินทุ่ม มุ่งสู่ฐานเจน Z ที่พร้อมเปย์แบบไม่อั้นถ้าโดนใจ เปิดฉากเพียงปีกว่า มีสมาชิกแล้ว 1.2 ล้านราย ตอกย้ำไม่จำเป็น EPL เดินหน้าผนึกพันธมิตรทั่วทุกมุมโลก ชูคอนเทนต์แบบจัดเต็ม พร้อมปรับโฉมแพ็กเกจใหม่ ตอกย้ำ “Home of Entertainment” มั่นใจสิ้นปี 68 สมาชิกทรูวิชั่นส์ นาว เพิ่มขึ้นอีก 50%

ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในไทยสร้างเรื่องอีกแล้ว ปีนี้ที่ว่าร้อนแรงเชื่อว่าไม่แรงเท่ากับครั้งแรกที่ทรูวิชั่นส์เสียพรีเมียร์ลีกไป หากใครยังจำกันได้ ย้อนกลับไป 12 ปีก่อน ที่กลุ่มเคเบิลทีวีในนาม CTH ทุ่มงบสูงถึง 9,000 ล้านบาท คว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือ EPL ในปี พ.ศ. 2556 – 2559 (ค.ศ.2013-2016) (รวม 3 ฤดูกาล) มาอยู่ในมือแทนทรูวิชั่นส์ที่ถือครองสิทธิ์นี้มาตลอด

ใครจะไปคิดว่าทรูวิชั่นส์จะเสียสิทธิ์นี้ไป และใครจะไปคิดว่าระดับเคเบิลท้องถิ่นจะกล้าทุ่มและวัดพลังกับทรูวิชั่นส์ได้ นี่นับว่าเป็นการเสียหน้าสุดๆ เหตุการณ์ครั้งนั้นทางทรูวิชั่นส์ต้องเร่งกู้หน้า แก้เกมส์ อย่างเต็มกำลัง และทำทุกวิถีทาง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ฐานสมาชิกร่วม 2.37 ล้านรายในปี 2556 ให้เกิดการยกเลิกใช้บริการน้อยที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มแพลทินัม แพ็กเกจ ที่มีจำนวนถึง 3.42 แสนราย หรือคิดเป็น 15% ของฐานสมาชิกทั้งหมด

เหตุการณ์ในปีนั้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่กับทรูวิชั่นส์ เป็นบททดสอบที่ทำให้เกิดความตระหนักรู้ มองเห็นโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น กับสถานการณ์และอุปสรรครอบด้านที่กำลังถาโถมเข้าใส่ตลาดเพย์ทีวี และเพราะเคยผ่านมันมาแล้ว เพราะเคยเรียนรู้มาแล้ว จะมาเสียพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ก็ไม่สำคัญไปกว่า “คอนเทนท์ที่ดี ไม่จำเป็นต้องแพง คอนเท้นท์ที่ดีย่อมสร้างผลกำไรมากกว่าสร้างความลำบากใจให้ผู้ลงทุน“

การเสียพรีเมียร์ลีกในวันนี้ จึงมองเป็นเรื่องดี เพราะในวันนี้ การแบกรับต้นทุนที่ต่ำลง แต่มีรายได้และฐานสมาชิกเพิ่มขึ้น นั่นถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง

** การซื้อขาย EPL ตลอด 20 ปี **

ย้อนรอย 20 ปีลิขสิทธิ์ EPL ในประเทศไทย เกิดขึ้นเพราะคนไทยชื่นชอบที่จะรับชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ซึ่งมีมานานนับสิบๆ ปี โดยในช่วงแรกสุดคนไทยจะดูพรีเมียร์ลีกผ่านทีวีระบบบอกรับสมาชิก หรือ Pay TV ผ่านทางแพลตฟอร์ม ทรูวิชั่นส์ โดยรับชมทางช่อง ESPN บ้าง สตาร์สปอร์ตบ้าง หลังจากนั้นทางทรูวิชั่นส์ได้เข้าประมูลสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกเอง และได้ลิขสิทธิ์ตั้งแต่ฤดูกาล 2007/2008 จนถึง 2012/2013 ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาทรูวิชั่นส์ผูกขาดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกแต่เพียงรายเดียวในไทย และถือได้ว่าพรีเมียร์ลีกเป็นคอนเทนต์แม่เหล็กสำคัญที่ทำให้ทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกที่แข็งแกร่ง และเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ในระดับต้นๆ จนมาเสียให้กับ CTH เป็นครั้งแรกในปี 2013 และกลับมาอยู่ในมือทรูวิชั่นส์อีกครั้งในปี 2019 จนมาในปีนี้ที่ทาง JAS เป็นผู้คว้าสิทธิ์ปี 2025-2074 ไปแทน

ทั้งนี้หากย้อนข้อมูลกลับไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ปีค.ศ. 2010 พบว่า มูลค่าการซื้อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในไทย มีมูลค่าสูงขึ้นมาก เปลี่ยนผ่านผู้ได้สิทธิ์อยู่หลายราย โดยทางทรูวิชั่นส์ก็ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่พร้อมเข้าสู้ให้ได้สิทธิ์นี้มา โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ปี 2010- 2013 ทรูวิชั่นส์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท

2.ปี 2013-2016 CTH มูลค่า 9,000 ล้านบาท

3.ปี 2016-2019 beIN SPORTS ไม่ปรากฏมูลค่าการซื้อขาย

4.ปี 2019-2022 ทรูวิชั่นส์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท

5.ปี 2022- 2025 ทรูวิชั่นส์ มูลค่า 10,000 ล้านบาท

6.ปี 2025-2031 JAS มูลค่า 19,000 ล้านบาท (รวม 6 ฤดูกาล + เอฟเอ คัพ)

จะเห็นได้ว่า มูลค่าการซื้อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด EPL พุ่งสูงขึ้นกว่า 3 ตัวเท่าตัว นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ที่ทาง CTH เข้ามาชิงซื้อไป จากนั้นเรตราคานี้ก็ไม่เคยขยับลงมาอีกเลย นี่อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรูวิชั่นส์มีการทบทวน ปรับแผน และปรับทัพใหม่ เพราะหากยังดันทุรังเลือกที่จะแบกรับพรีเมียร์ลีกที่มีต้นทุนสูงมากๆนี้อยู่ แต่สมาชิกกลับไม่ขยับสูงขึ้นตาม มีแต่ทยอยลดถอยลง คงมีแต่ขาดทุน การยอมให้พรีเมียร์ลีกหลุดมือไปครั้งนี้ ย่อมมีการคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว การที่ JAS ได้พรีเมียร์ลีกไป อาจเป็นทรูวิชั่นส์เองที่ยอมปล่อยมือ เพื่ออนาคตที่ลากเส้นขึ้นมาใหม่แทน

**รายได้และฐานสมาชิกทรูวิชั่นส์ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา

จากราคาพรีเมียร์ลีกที่สูง เมื่อนำข้อมูลนี้มาประกอบกับรายได้และฐานสมาชิกของทรูวิชั่นส์ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา ย่อมเข้าใจได้ที่ทางทรูวิชั่นส์ยอมปล่อยให้พรีเมียร์ลีกหลุดลอยไป โดยนับตั้งแต่ปี 2556-2567 มานี้ พบว่าทั้งรายได้และฐานสมาชิกทรูวิชั่นส์ลดลงอย่างต่อเนื่อง รายละเอียด ดังต่อไปนี้

1. ปี 2556 รายได้ 10,055 ล้านบาท สมาชิก 2.37 ล้านราย

2. ปี 2557 รายได้ 8,995 ล้านบาท สมาชิก 2.47 ล้านราย

3. ปี 2558 รายได้ 9,494 ล้านบาท สมาชิก 3.1 ล้านราย

4. ปี 2559 รายได้ 15,710 ล้านบาท สมาชิก 3.9 ล้านราย

5. ปี 2560 รายได้ 15,038 ล้านบาท สมาชิก 4 ล้านราย

6. ปี 2561 รายได้ 13,300 ล้านบาท สมาชิก 4.1 ล้านราย

7. ปี 2562 รายได้ 12,000 ล้านบาท สมาชิก 4 ล้านราย

8. ปี 2563 รายได้ 10,662 ล้านบาท สมาชิก 3.9 ล้านราย

9. ปี 2564 รายได้ 9,838 ล้านบาท สมาชิก 3.5 ล้านราย

10. ปี 2565 มีรายได้ 9,280 ล้านบาท สมาชิก 3.2 ล้านราย

11. ปี 2566 รายได้ 6,311 ล้านบาท สมาชิก 1.4 ล้านราย

12. ปี 2567 รายได้ 6,637 ล้านบาท สมาชิก 1.23 ล้านราย

ตัวเลขล่าสุด ณ. ปัจจุบัน ทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกอยู่ที่ 1.1 ล้านราย

***ทรูวิชั่นส์ปักธง OTT เมิน EPL มุ่งเจาะเจน Z

ที่ผ่านมารากฐานของทรูวิชั่นส์ คือ เพย์ทีวี (Pay TV) คือ บริการโทรทัศน์ที่ผู้รับบริการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อรับชมรายการต่างๆ ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อนถือเป็นยุคทองของเพย์ทีวีเลยก็ว่าได้ เพราะมีมูลค่าสูงมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีทรูวิชั่นส์ เป็นผู้นำตลาด และมีแชร์ในตลาดเกิน 60% ด้วยจำนวนฐานสมาชิกกว่า 2.34 ล้านราย (ปี 2556) และกว่า 15% เป็นสมาชิกระดับพรีเมียม ที่รับชมใน 2 แพ็กเกจ คือ แพลทินัม แพ็กเกจ ราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 บาทต่อเดือน และโกลด์ แพ็กเกจ ราคาประมาณ 1,000 บาทต่อเดือน โดยมีพรีเมียร์ลีกเป็นคอนเท้นท์หลักในการดึงฐานสมาชิกกลุ่มนี้เอาไว้ จนมาเสียพรีเมียร์ลีกไปให้ CTH ในปี 2556 ทำให้ทรูวิชั่นส์สะดุดไป และแก้เกมส์กลับมาได้อีกครั้งในปี 2560 ส่งผลให้ทรูวิชั่นส์มีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นร่วม 4 ล้านราย ประกอบด้วย 1.สมาชิกแบบบอกรับสมาชิก 2.1-2.2 ล้านราย และ 2. แบบกล่อง ฟรี ทู แอร์ อีก 2 ล้านราย ในรูปแบบการขายพ่วงไปกับบริการอื่นๆ อย่าง Internet บ้าน หรือบริการ 4G บนสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตามตลอด 10 ปีมานี้ ตลาดเพย์ทีวีเริ่มสั่นคลอน กับการมาของ OTT หรือ Over-the-Top กับบริการคอนเทนต์แบบออนดีมานด์ (เช่น วิดีโอ, เพลง, รายการทีวี) ผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังแกดเจ็ตต่างๆ ซึ่งบริการเหล่านี้มีทั้งแบบดูฟรี แบบมีเงื่อนไข และแบบจ่ายค่าบริการที่ไม่แพง เข้าถึงได้ง่าย

นี่จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่สำคัญของทรูวิชั่นส์อีกครั้ง เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากกว่าครั้งไหนๆ เรียกได้ว่าสาหัสกว่าการเสียพรีเมียร์ลีกไปเสียอีก เพราะ OTT เป็นสาเหตุหลักที่ดูดสมาชิกทรูวิชั่นส์ให้ลดลงอย่างน่าใจหาย แม้หลายปีที่ผ่านมาจะได้พรีเมียร์ลีกกลับมาอยู่ในมือ แต่สมาชิกก็ยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขล่าสุด ทรูวิชั่นส์มีสมาชิกลดลงมาอยู่ที่ 1.1 ล้านรายแล้ว

ทรูวิชั่นส์จึงมุ่งเข้าสู้ในน่านน้ำใหม่ ยอมทิ้งพรีเมียร์ลีกเพื่อลดต้นทุน และย้ายจากฝั่ง Pay TV สู่ OTT หวังสร้างฐานสมาชิกใหม่และเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ขึ้นใหม่ โดยได้ปักหมุดลงศึกนี้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ในชื่อ ”TrueVisions NOW“ ก้าวสู่สังเวียน OTT อย่างเต็มรูปแบบ ผู้ชมสามารถรับชมคอนเทนต์จากทาง TrueVisions ได้หลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะคอนเท้นท์พรีเมียร์ลึกยังคงเป็นแม่เหล็กใหญ่ให้ผู้ชมได้รู้จักแอปลิเคชั่น TrueVisions NOW ได้เป็นอย่างดี ซี่งมีทั้งกลุ่มเดิมที่มาจากทรูวิชั่นส์ และกลุ่มใหม่อย่างเจน Z ส่งผลให้ปัจจุบัน TrueVisions NOW มีฐานสมาชิกแล้วถึง 1.2 ล้านราย

ล่าสุดวันนี้ไม่มีพรีเมียร์ลีก ทรูวิชั่นส์พร้อมเดินหน้าต่อเนื่อง เร่งอัดงบด้านคอนเท้นท์เพิ่มอีก 20% (งบคอนเท้นท์ที่ไม่เกี่ยวกับพรีเมียร์ลีก ปกติจะใช้ปีละ 1,500-2,000 ล้านบาท) จัดเต็มคอนเท้นท์ระดับโลกครอบคลุมทุกความบันเทิง เข้าถึงทุกเจน สู้ศึก OTT

นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากทรูวิชั่นส์ ได้เปิดตัวลงแข่งในศึก OTT ในชื่อ ”TrueVisions NOW“ (ทรูวิชั่นส์ นาว) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีฐานสมาชิกแล้วกว่า 1.2 ล้านราย

นอกจากพรีเมียร์ลีกที่เป็นคอนเท้นท์หลักในตลาด OTT แล้ว ส่วนสำคัญอีกอย่าง คือ ฐานผู้ชมหลักของ OTT ซึ่งส่วนใหญ่คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างเจน Z ที่เน้นอะไรที่ง่ายๆ ชอบดูรายการผ่านแกดเจ็ตต่างๆ อย่าง มือถือหรือแท็บแล็ต มากกว่าดูผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เป็นกลุ่มที่พร้อมจ่ายเพื่อดูคอนเท้นท์ที่ชอบ โดยพบว่าชื่นชอบคอนเท้นท์ประเภทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มากที่สุด เป็นตลาดใหญ่ที่สร้างรายได้ให้ TrueVisions NOW ถึง 40% เมื่อเทียบกับคอนเท้นท์อื่นๆ ทั้งหมด แต่เทียบกับความคุ้มค้าค่าแล้ว แพ็กเกจ NOW MAX คุ้มสุด

ล่าสุดในวันนี้ทรูวิชั่นส์จะไม่มีพรีเมียร์ลีก แต่ก็พร้อมอัดงบเพิ่มอีก 20% เพื่อลงทุนด้านคอนเท้นท์ โดยในเดือนสิงหาคมนี้ TrueVisions NOW พร้อมปรับโฉมความบันเทิงใหม่ รวมคอนเทนต์เด็ดจากพันธมิตรระดับโลกที่สุดของคอนเทนต์เต็มรูปแบบ ทั้งบันเทิงกว่า 2,000 รายการ มากกว่า 30,000 ชั่วโมง และกีฬากว่า 11,000 แมตช์ ชูเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ตอบโจทย์ครบทั้งสายบันเทิง กีฬา และข่าวสาร พร้อมเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ทั้งหมดที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ เข้าถึงง่ายทุกเจน

“TrueVisions NOW พร้อมเปิดประสบการณ์ที่สุดของคอนเทนต์ใหม่เต็มรูปแบบ ตอกย้ำความเป็น ‘NOWtainment – ครบ จบ ทุกความบันเทิง’ เต็มอิ่มไปกับประสบการณ์การรับชมแบบไม่มีขีดจำกัด สตรีมมิ่งแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งของไทย เดินหน้าสู่ความเป็น Home of Entertainment ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชันในยุคดิจิทัล มาพร้อมโฉมใหม่ของทุกแพ็กเก็จที่เข้าถึงง่าย ลูกค้ายังสามารถเลือกจำนวนของอุปกรณ์ จำนวนของจอที่จะรับชมได้ตามความต้องการ ชูไฮไลท์คอนเทนต์ที่เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ หนัง ซีรีส์ เด็ดจากทุกมุมโลก เอาใจคนสายบันเทิงกว่า 2,000 รายการ มากกว่า 30,000 ชั่วโมง ทั้ง TrueVisions NOW Original หนังไทยจากโรงภาพยนตร์ที่ส่งตรงมาทุกเดือน เต็มอิ่มไปกับซีรีส์ฟอร์มยักษ์คุณภาพระดับพรีเมียมจากโซนเอเซีย ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่นกว่า 200 เรื่อง เพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์จากฝั่งอเมริกา และยุโรป ไม่ว่าจะเป็นหนัง ซีรีส์ ที่คัดสรรมาให้แล้วกว่า 400 เรื่องพร้อมพากย์ไทย และซับไทย รวมถึงสารคดีอาหารยอดนิยม ความบันเทิงสำหรับครอบครัว ที่มีมากกว่า 200 รายการ อีกทั้ง ยังมีอนิเมะให้ติดตามชมกันกว่า 120 เรื่อง ตลอดจนคอนเทนท์พรีเมียมข่าวธุรกิจระดับโลก

อีกทั้งยังมีการเสริมทัพด้วยแอปชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น iQIYI, WeTV, VIU และอีกมากมายที่กำลังตามมา ให้ผู้ชมสามารถเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ที่หลากหลาย ในระดับคุณภาพได้อย่างสะดวกสบายในแอปเดียว

นอกจากนี้ ยังมีคอนเท้นท์ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น 1.Shorts Vertical ละครสั้น ภายในแอปพลิเคชัน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ 2.การกลับมาของเรียลิตี้อันดับหนึ่งในไทย อย่าง “อะคาเดมี แฟนเทเชีย” และ3. ตอกย้ำความเป็น “King of Sports” ด้วยคอนเทนต์สายกีฬา แบบจัดเต็มมาให้รับชมกันแบบมากที่สุดในประเทศไทย มากกว่า 11,000 แมตช์

“คอนเท้นท์กีฬา มีทั้งช่องกีฬาระดับโลกอย่าง beIN Sports และ SPOTV รวมถึงคอนเทนต์ที่จัดมาให้ชมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ TrueVisions NOW ที่เดียว ให้คอบอลชาวไทย 9 ลีก 15 ถ้วย ชมสดได้กว่า 2,000 แมตช์ตลอดฤดูกาล อาทิ ฟุตบอล UEFA Champions League, UEFA Europa League, UEFA Conference League, La Liga และ Calcio Serie A เป็นต้น”

นอกจากนี้ยังมีกีฬาอื่นอีก เช่น 1.เทนนิสครบทั้ง 4 แกรนด์สแลม และ 103 ทัวร์นาเมนต์ ทั้ง Australian Open, French Open, Wimbledon และ US Open รวมถึง ATP Tour, WTA Tour 2.การแข่งขันกอล์ฟระดับเมเจอร์ของทั้งชายและหญิงที่ครบทั้ง 9 รายการ เช่น The Masters, The Open, LPGA Tour และ PGA Tour รวมถึงรายการอื่นๆ

3.การแข่งขันความเร็ว พร้อมร่วมเชียร์ไปกับ 2 นักแข่งไทย “อเล็กซ์ อัลบอน” และ “สมเกียรติ จันทรา” กับ Formula 1 และ Moto GP สดครบทุกสนาม พร้อมการแข่งขันความเร็วในไทย 6 รายการ กว่า 81 สนาม 4.แบดมินตัน ติดตามเชียร์นักแบดชาวไทย ในการแข่งขันแบดมินตัน BWF World Tour ที่มีกว่า 1,700 แมตช์ 5. สนุ๊กเกอร์ กับการแข่งขัน World Snooker Tournament กว่า 700 รายการ

6.กีฬาศิลปะการต่อสู้ กับการแข่งขัน Mixed Martial Arts อันดับหนึ่งของโลกอย่าง UFC มีมากถึง 56 แมตช์ 7.วอลเล่ย์บอล กับ FIVB U-21 World Championship, Volleyball Thailand League, CEV Champions League และ KOVO League 8.มหกรรมกีฬา SEA Games ครั้งที่ 33 และ ASEAN Para Games ครั้งที่ 13 ที่ TrueVisions NOW เป็นเพียงรายเดียวในไทยที่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสด และรับชมย้อนหลังได้ทุกที่ ทุกเวลา บนแพลตฟอร์ม OTT

โดยในเดือนสิงหาคนนี้ TrueVisions NOW พร้อมนำเสนอแพ็กเกจใหม่ ได้แก่

1.NOW ENT บันเทิงครบ แอปตัวท็อป ฟินจบในแพ็กเดียว เริ่มต้นที่ 99 บาท (1 จอบนมือถือ) หรือเลือกตามความต้องการ 199 บาท (1 จอบนทุกอุปกรณ์ พร้อมแอป IQIYI) หรือฟินพร้อมกัน 2 จอบนทุกอุปกรณ์พร้อมแอปเอเซียสุดฮิต IQIYI, WeTV และ VIU ในราคา 299 บาท

2.NOW FOOTBALL ดูฟุตบอลสด 9 ลีก 15 ถ้วย มากที่สุดในไทย พร้อมพากย์สดด้วยนักพากย์ระดับแถวหน้าของประเทศ ราคา 199 สำหรับลูกค้าทรู และราคา 259 บาท สำหรับลูกค้าทั่วไป (เชียร์มันพร้อมกันสูงสุด 1 จอบนทุกอุปกรณ์)

3.NOW SPORTS แพ็กเดียวจบ สด ครบ กีฬามันส์มากกว่า 11,000 แมตช์ ราคา 699 บาท จากทั่วทุกมุมโลก (เต็มอิ่มทุกความมัน พร้อมกันสูงสุด 1 จอบนทุกอุปกรณ์)

4.NOW MAX ครบ จบ ทุกความบันเทิง และกีฬาสดมากที่สุดในไทย รวม NOW ENT, NOW SPORTS พร้อมสารคดี ข่าวต่างประเทศทั่วโลก อาทิ CNN BBC CNBC และอื่นๆ รวม 58 ช่อง เสริมทัพด้วยแอปสุดฮิต IQIYI, WeTV, และ VIU ไว้ในแพ็กเดียวราคาเพียง 1,599 บาท (สนุกพร้อมกันยกก๊วน สูงสุด 4 จอบนทุกอุปกรณ์)

สำหรับสมาชิกทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียม และเคเบิล ร่วมสัมผัสความบันเทิงในมิติใหม่ ด้วยสิทธิใช้ TrueVisions NOW โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เต็มอิ่มกับความบันเทิงจากทั่วโลกอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสมาชิกของทรูวิชั่นส์ระบบจานดาวเทียมและเคเบิล หลักๆ เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ที่ยังยึดติดกับพฤติกรรมเดิมๆ ติดดูคอนเท้นท์ผ่านหน้าจอ และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ส่งผลให้ฐานสมาชิกหลักของทรูวิชั่นส์ยังคงเป็นกลุ่มพรีเมียม ที่รับชมผ่าน 2 แพ็กเกจ คือ แพลทินัม แพ็กเกจ และโกลด์ แพ็กเกจ แต่ในส่วนของ TrueVisions NOW เชื่อว่าสมาชิกกว่าครึ่งเป็นสมาชิกจากทรูวิชั่นส์มาก่อน ขณะที่ราคาแพ็กเกจไม่แตกต่างกัน แต่ผลประโยชน์ ความสะดวกสบายในการรับชม ทาง TrueVisions NOW ให้ได้มากกว่า

ดังนั้นการเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะเพิ่มฐานสมาชิกของ TrueVisions NOW ให้โตขึ้นอีก 50% ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านราย โดยเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกทรูวิชั่นส์ย้ายมาเป็นสมาชิกทางทรูวิชั่นส์ นาว มากขึ้นในอนาคต

“การดำเนินธุรกิจของทรูวิชั่นส์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เราเติบโตลดลง แต่มองว่าเรายังเติบโตไม่พอ การเข้าสู่สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม OTT จึงเป็นโอกาสของการเติบโต และเป็นการถ่วงดุลย์ลดความเสี่ยงของทรูวิชั่นส์กับสถานการณ์รายได้และสมาชิกที่ลดลง แต่มีโอกาสสร้างการเติบโตใน TrueVisions NOW แทน จากที่โฟกัสฐานผู้ชมพรีเมี่ยมกำลังซื้อสูง มาสู่การจับฐานเจน z ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของ OTT ในปัจจุบัน ถือสาเหตุสำคัญทำให้ TrueVisions NOW โตไว จนติดท็อป 5 ในตลาด OTT แล้วในวันนี้” นายองอาจ กล่าว

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“แตงกวา MUT สระแก้ว” ร่ำไห้ วอนโลกใจดีหลังเจอดรามาชุด-ถูกมองเป็นขโมย แจงอ๊องเพราะนอนน้อย ไม่เกี่ยวปากกาลดน้ำหนัก

32 นาทีที่แล้ว

“ณวัฒน์” เผยสาเหตุ “แตงกวา MUT สระแก้ว” อ๊องๆ งงๆ เพราะใช้ปากกาลดน้ำหนัก ฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับ PD ควรเลือกนางงามพร้อมใช้

43 นาทีที่แล้ว

“ณวัฒน์” ฉุน “ชาล็อต” ดื้อ! ไม่ตอบแชต-ไม่อวยพรวันเกิด แหกคอกแอบไปงาน “ฟรีน” แฟนคลับอย่าสปอยจนเข้าใจอะไรผิดๆ

50 นาทีที่แล้ว

วันแม่ซึ้งปนฮา! “บอย - หน่อง - ภัทร์” แปลงโฉมเป็น “แม่งามทิพย์” เพื่อ “น้องวันใหม่”

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

แนะร้านอาหารพลิกเกมสู้วิกฤต สตรีทฟู้ด-แผงลอย ชิงยอดขาย ไตรมาส 4

ฐานเศรษฐกิจ

เปิด 5 ชาติลงทุนในไทยมากที่สุด ครึ่งปีแรก 2568

SMART SME

ยอดขายพุ่งเพราะมือ ‘ปีกไก่’ KFC เผยมียอดซื้อเพิ่ม 49% หลัง collab ‘น้องหมีเนย’

TODAY Bizview

คณะผู้บริหาร บ. โตโยต้า มอเตอร์ ฯ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล ณ ท้องสนามหลวงร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ

Manager Online

ผู้ว่าฯ ขอนแก่น โชว์ฝีมือปรุงปูผัดผงกะหรี่ เปิดงาน “ฟาร์มทะเลอีสาน” พลิกดินเค็มสู่พื้นที่เศรษฐกิจ

77kaoded

ลุย!ทางต่างระดับแยกเมืองเก่าสร้างสะพานใหม่4ตัวขยายถนนมิตรภาพกับวงแหวนฯขอนแก่น10เลน

เดลินิวส์

ซีรีส์เกาหลีดลใจ สาวญี่ปุ่นแต่งหนุ่มเกาหลีใต้ มากสุดใน 10 ปี | คุยกับบัญชา | 21 ก.ค. 68

BTimes

อสังหาฯ ชง 2 มาตรการแก้หนี้ครัวเรือน กู้ไม่ผ่าน ตั้งกองทุนค้ำสินเชื่อ ผุดโกดังหนี้ มัดรวม 'บ้าน-บัตร-รถ'

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม

พันธุ์ไทย คว้าTop Outstanding Brand จากเวที Thailand Brand Footprint 2025

Manager Online

บขส.ย้ายจุดจอดคิว”แท็กซี่”วันแรก ไร้ปัญหาผู้ใช้บริการสะดวก ไม่เสียเวลา

Manager Online

POP MART Global Landmark Store สร้างปรากฏการณ์ถล่มทลาย!! แฟนอาร์ตทอยแห่เข้าคิวล้นหลามที่ ชั้น 7 ไอคอนสยาม

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...