พิธีกรรมถก‘งบ69’ฉลุย นักร้องจี้สอบคลิปงูเห่า!

พิธีกรรมอภิปรายงบวันสุดท้าย “พรรคประชาชน” เรียงหน้าสับเละ โดยเฉพาะ “พศ.-สตช.” แต่สุดท้ายลงมติตามเสียงส่วนใหญ่ไร้พลิก “มนพร” มั่นใจไร้ปัญหาเพราะมีการเช็กชื่อตลอด “เจ๊ไหม” ประกาศคว่ำร่างเพราะแนะนำแล้วไม่แก้ไข “สนธิญา-ศรีสุวรรณ” ลุยร้องสอบคลิปซื้องูเห่า

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 ส.ค.2568 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 เป็นวันสุดท้าย โดยเริ่มพิจารณาในมาตรา 24 กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานในกำกับ ซึ่งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ขอให้ ศธ.ปรับลดงบประมาณก่อสร้างอาคารศึกษาธิการ 15 จังหวัด มูลค่ารวม 375 ล้านบาท ขอให้เปลี่ยนจากวิธีการก่อสร้างอาคารใหม่มาเป็นวิธีการเช่าสถานที่ใหม่หรือวิธีการอื่น เพราะในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ที่แทบทุกพรรคการเมืองเสนอเข้ามา และคาดว่าจะถูกพิจารณาในสภาเร็วๆ นี้ แทบทุกฉบับมีการพูดถึงเรื่องการทบทวนโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด

“วันนี้ สส. 500 คนต้องลงมติเรื่องนี้ ขอฝากคำถามว่า หากท่านทำธุรกิจที่มีพนักงาน 50 คน และท่านต้องหาสถานที่ทำงานในต่างจังหวัดโดยที่ท่านไม่รู้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจท่านจะยังอยู่หรือไม่ ท่านจะเลือกอย่างไร ระหว่างการหาที่ในการเช่ากับการสร้างอาคารขึ้นมาใหม่”

ต่อมาเวลา 10.10 น. นายสุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า งบประมาณของสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั้งที่เป็นงบลงทุนและค่าดำเนินการ ส่วนใหญ่จะลงไปที่โรงเรียน 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพมากกว่า 50% ถ้าตั้งงบประมาณอย่างนี้ การศึกษาของไทยจะตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี มีโรงเรียนกว่า 30,000 โรง แต่กลับมาเอาอกเอาใจ ดูแลแค่โรงเรียนประจำอำเภอที่มีเพียงแค่กว่า 1,800 โรงเรียน และปล่อยโรงเรียนอื่นๆ ทิ้งร้างไป

ขณะที่ นายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. เสนอให้ตัดงบประมาณของ สพฐ. ในส่วนของโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโพลิโอ ค่าจ้างเหมาบริการจัดหาสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัลเพื่อการพัฒนาทุนมนุษย์ ซึ่ง อนุ กมธ.ตัดงบจาก 109 ล้านบาท เหลือ 99 ล้านบาท ซึ่งน้อยไปสามารถปรับลดงบประมาณได้อีก หรือชะลอทั้งโครงการ

จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 24 ตามที่ กมธ.แก้ไข 253 เสียง ไม่เห็นชอบ 121 เสียง งดออกเสียง 26 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง

ต่อมา มาตรา 25 งบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานในสังกัด วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรค ปชน. อภิปรายขอตัดงบในโครงการโอซากา เวิลด์ เอ็กซ์โป 2025 วงเงิน 247 ล้านบาท เพราะไม่คุ้มค่า เช่นเดียวกับนายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ สส.ปทุมธานี พรรค ปชน. ที่เสนอตัดงบส่วนโครงการเดียวกัน เพราะงบที่เสนอขอ 235 ล้านบาท สำหรับเวลาจัดงาน 13 วัน ไม่เหมาะสม

ยันงบต่อเนื่องตัดไม่ได้

ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะรองประธาน กมธ. ชี้แจงว่า การจัดงานเอ็กซ์โปเป็นรายการผูกพัน กมธ.ไม่สามารถปรับลดหรือปรับแก้ไขได้ เพราะเป็นงานต่อเนื่อง

จากนั้น ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้มีการแก้ไขมาตรา 25 ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ โดยมีผู้ลงมติ 399 คน เห็นด้วย 253 คน ไม่เห็นด้วย 121 คน งดออกเสียง 23 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 2 คน

ในเวลา 13.40 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี วงเงิน 43,111 ล้านบาท โดยนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรค ปชป. อภิปรายงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 5,518 ล้านบาท ว่าหลายเรื่องไม่ใช่ภารกิจของสำนักพุทธฯ บางเรื่องมีความซ้ำซ้อน ขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงไม่แปลกใจที่การดำรงอยู่ของสงฆ์ในวันนี้จึงเละเทะมีปัญหา โดยเสนอให้ตัดเงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัต หรือเงินเดือนพระทั้งหมด รวมถึงเสนอปรับลดงบอุดหนุนปกครองคณะสงฆ์ เงินเดือนรายปี และพัดยศ ส่วนงบประมาณพระวินยาธิการหรือตำรวจพระที่ไม่สามารถปราบอลัชชีได้ และยังมีการซื้อขายตำแหน่ง เสนอให้ตัดงบเช่นกัน

ขณะที่ นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สส.นนทบุรี พรรค ปชน. อภิปรายในมาตราเดียวกันว่า งบสำหรับการเผยแผ่และส่งเสริมพุทธศาสนา โดยสำนักพระพุทธฯ ใช้งบหลายร้อยล้านบาท แต่กลับพบปัญหาใหญ่ 3 ด้านคือ 1.ความไม่คุ้มค่า 2.ไม่ทั่วถึง และ 3.ไม่โปร่งใส จึงเสนอว่าให้ตัดงบประมาณในหมวดนี้ และยกเลิกโครงการทั้งหมด

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายมาตรา 27 ในสัดส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่า โครงการที่ไม่จำเป็น เช่น หลักสูตร Local CAT จำนวน 298 ล้านบาท เพราะในการฝึกอบรมก็ไปทับซ้อนกับค่าใช้จ่ายในการฝึกยุทธวิธีที่แต่ละปีขอมาในหลักร้อยล้านบาทอยู่แล้ว จึงขอเสนอปรับลดงบประมาณครึ่งหนึ่งจาก 298 ล้านบาทเหลือ 149 ล้านบาท

นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า ขอตัดงบประมาณโครงการจัดทำข้อมูลสารพันธุกรรม แก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงงบกำลังพล และงบของ ศอ.บต. กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนใต้ไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ซาอุดีอาระเบีย 100 คนต่อปี

ปชน.หนุนซื้อของใหม่

ส่วน น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรค ปชน. อภิปรายพุ่งเป้าไปที่งบซ่อมบำรุงอากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) วงเงิน 950 ล้านบาท เนื่องจากไม่สามารถตอบโจทย์ภารกิจหน้าที่ได้จริง จนเกิดเหตุอากาศยานตำรวจตก 3 ลำภายใน 3 ปี และมีตำรวจเสียชีวิต 9 นาย โดยควรประเมินงบที่ต้องใช้ซ่อมบำรุงทั้งหมดต้องใช้เท่าไหร่ เพื่อนำมาสู่การตัดสินใจในการจัดหาเครื่องบินที่ปลอดภัยและพร้อมใช้งานใหม่ มากกว่าดันทุรังซ่อมเครื่องเก่าเกินอายุการใช้งาน

เวลา 15.19 น. ในมาตรา 28 งบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า งบประมาณของกลุ่มจังหวัดทุกปี ถูกใช้แบบแพตเทิร์นเดิมๆ ทั้งได้รับงบประมาณสูงเป็นอันดับต้นๆ ของหน่วยรับงบประมาณทั้งหมด แต่กลับมีการใช้จ่ายที่เอาง่าย ไม่ว่าจะตั้งชื่อมาว่าอะไรก็ตาม สุดท้ายก็เป็นการสร้างถนน ทำสะพาน ติดไฟฟ้าส่องสว่าง ไฟจราจร อีกส่วนหนึ่งเอาไปจ่ายกับการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งน้ำ และเหลือก็นำมาสร้างเป็นสิ่งก่อสร้างกระจุกกระจิก

มาตรา 29 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของรัฐวิสาหกิจ นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะ กมธ. อภิปรายว่า ติดใจรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ ที่มีรายการตั้งงบประมาณชำระคืนตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งเกิดจากการที่หน่วยงานของรัฐดำเนินกิจกรรมมาตรการและโครงการ โดยที่รัฐบาลรับปากว่าจะชดเชยค่าใช้จ่ายของการสูญเสียรายได้ให้ในอนาคต แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณที่จัดสรรให้รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ที่มีลักษณะแตกต่างกันมาไว้ในที่เดียวกัน

“แบบนี้ไม่ควรทำ เพราะเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดทำงบประมาณ เพื่อปกปิดการดำเนินการของรัฐบาลที่ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยนโยบายกึ่งการคลังที่ไม่สามารถตรวจสอบได้” นายวีระกล่าว และว่า รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพราะถ้าหากยอดยังสูงในระดับ 1 ล้านล้านบาทในขณะนี้ นอกจากงบประมาณรายจ่ายที่เราเห็นแล้วว่าเป็นปัญหา เรายังมีรายการนอกงบประมาณที่เป็นปัญหา เมื่อรวม 2 กระแสเข้าด้วยกัน วิกฤตการเงินการคลังเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

เวลา 17.10 น. ในการพิจารณามาตรา 30 หน่วยงานของรัฐสภา นายพริษฐ์กล่าวว่า ยังมีงบประมาณอีกหลายด้านที่ปรับลดลงได้มากกว่า เช่น งบประมาณเดินทางไปต่างประเทศ การทำแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันต่างๆ นอกเหนือจากระบบ LMS ที่วุฒิสภาขอมา

นายภัณฑิลอภิปรายขอปรับลดงบประมาณของรัฐสภา ซึ่งพบว่ามีค่าปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงโซนซี ที่ถูกปรับลด 21 ล้านบาท ขณะที่นายสกล สุนทรวาณิชย์กิจ สส.ปทุมธานี พรรค ปชน. อภิปรายว่า ในส่วนของค่าอาหารเลี้ยงรับรองสมาชิกและเจ้าหน้าที่ในวันประชุม โดยเสนอให้ปรับลดในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 15% และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา 25% ส่วน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายขอตัดงบรัฐสภา 50 ล้านบาท ในส่วนของค่าอาหาร สส.

ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างมาก ได้ติงเรื่องกระบวนการตรากฎหมายตรงนี้เกิดปัญหาไปแล้ว เราดำเนินกระบวนการพิจารณามาในหลายมาตราโดยไม่ชอบ ควรจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญไปวินิจฉัยเพื่อลงมติกันใหม่หรือไม่

ปชน.ยันโหวตคว่ำงบ

ทั้งนี้ สส.ยังคงเดินหน้าอภิปรายเรียงมาตราอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่จะเป็น สส.พรรคประชาชนที่ตั้งข้อสังเกตและเสนอให้ตัดงบต่างๆ ตามรายมาตรา แต่เมื่อลงมติก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยยึดตามเสียงที่ กมธ.เสียงส่วนมากได้แก้ไขมา

ขณะเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. แถลงถึงทิศทางการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในวาระ 3 ว่า พรรคมีมติการลงคะแนนไม่เห็นชอบในวาระ 3 คือคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบ 69 เนื่องจากไม่ได้นำเอาข้อเสนอแนะของเรา หรือข้อคิดเห็นต่างๆ ไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวงบประมาณแต่อย่างใด เราก็ยังเป็นเสียงข้างน้อยในสภา ทำให้ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขงบประมาณได้แม้แต่มาตราเดียว จึงเป็นเหตุผลที่ในวาระ 3 พรรคประชาชนคงจะยืนยันที่จะคว่ำ และไม่เห็นชอบกับงบประมาณปี 2569

นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า เสียงของรัฐบาลมีตัวเลขถึง 253 เสียง สามารถผ่านพ้นการเห็นชอบ ซึ่งมีการพิจารณาหลายมาตราแล้ว และมั่นใจว่าทุกมาตราเสียงถึงแน่นอน เพราะมีการเช็กว่าใครยังอยู่ในห้องประชุม แม้แต่รัฐมนตรีออกไปประชุมก็ต้องกลับมา

เมื่อถามถึงกรณีคลิปเสียงของพรรค ปชน.ออกมาแฉ นางมนพรกล่าวว่า ยังไม่ได้ฟังเสียง แต่ไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรครัฐบาล สามารถร้องจริยธรรมได้

ด้านนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมายื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี น.ส.ศิริกัญญา, นายชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง และนายวีรนันท์ ฮวดศรี อ้างว่ามีการโทรศัพท์ของสายปริศนาขอซื้อคะแนนเสียงให้ยกมือสนับสนุนผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569

เช่นเดียวกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้สืบสวนและไต่สวนกรณีมีคลิปเสียงสาวปริศนาเจรจาการซื้อเสียงโหวตจาก สส.ว่อนอินเทอร์เน็ต อันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เป็นพฤติการณ์ของการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง และทำลายระบบพรรคการเมืองโดยสิ้นเชิง.