ต้านวัย-ต้านแก่- ฟื้นฟู บำบัดด้วย 'ออกซิเจนแรงดันสูง' (HBOT)
ไฮเปอร์แบริค (Hyperbaric oxygen therapy : HBOT) หรือ การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง ซึ่งเป็นการบำบัด รักษาผู้ป่วยด้วยการให้หายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ในขณะที่ผู้ป่วยเข้าไปอยู่ภายใต้สภาพความกดดันบรรยากาศสูงของเครื่องปรับความดันบรรยากาศ (Hyperbaric chamber) ที่มากกว่า 1 บรรยากาศ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับการให้ออกซิเจนที่ความกดดันบรรยากาศปกติมากขึ้นหลายเท่า
การรักษาด้วยออกซิเจนในบรรยากาศสูง (HBOT) เป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับ มีการให้การรักษาและพัฒนาอุปกรณ์มาเป็นระยะเวลามากกว่า 100 ปี เป็นการรักษาที่ถือว่าปลอดภัย เมื่อให้การรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสถานพยาบาลทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม
เช่นเดียวกับการรักษาทางการแพทย์อื่นๆ การใช้ HBOT ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงได้ ผลข้างเคียงที่อาจจะพบได้ ได้แก่ อาการปวดหูจากการเปลี่ยนแปลงแรงดันบรรยากาศ ความดันในช่องไซนัสเปลี่ยนแปลง อาจจะทำให้เกิดอาการปวดตามตำแหน่งช่องไซนัสต่างๆ
ผลข้างเคียงที่รุนแรงแต่พบได้น้อย เช่น อาการชัก ลมรั่วในช่องปอด หรือพิษจากออกซิเจน เพื่อลดความเสี่ยงของอาการและผลข้างเคียงเหล่านี้ ผู้ป่วยควรผ่านการประเมินและตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนรับการรักษา และควรได้รับการรักษาโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างมีคุณภาพ โดยรวมแล้ว การใช้ HBOT สามารถเป็นการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับโรคต่าง ๆ แต่ควรใช้ภายใต้การดูแลของบุคลากรที่มีความชำนาญ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ชะลอวัย สุขภาพดี เริ่มที่ 'กินอิ่ม' เคล็ดลับไม่อยากแก่ ต้องลอง!
'ศิริราช' ทุ่มงบ 800 ล้านบาท พลิกโฉมระบบสารสนเทศ สู่การแพทย์ระดับโลก
เวชศาสตร์ฟื้นฟูมุ่งเน้นไปที่การซ่อมแซมหรือฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายด้วยวิธีการที่หลากหลาย หรือการปรับเปลี่ยนสภาวะของเซลล์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการรักษาตัวเองตามธรรมชาติของเนื้อเยื่อ วิศวกรรมเนื้อเยื่อและการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดเป็นแนวทางที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนเซลล์บำบัดที่ฟื้นฟูโครงสร้างและการทำงานของเนื้อเยื่อที่เสียหายและกระตุ้นการสร้างใหม่ ( Usas and Huard, 2007 ; Biehl and Russell, 2009 )
การสร้างเนื้อเยื่อใหม่เป็นกระบวนการที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยมีระดับการสร้างใหม่ที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อเยื่อและสภาพแวดล้อมของเซลล์ อีกกลยุทธ์หนึ่งสำหรับการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บคือการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อจากแหล่งเนื้อเยื่อของตนเองหรือจากแหล่งอื่น ( Mason and Dunnill, 2009 ; Berner et al., 2013 )
การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการสร้างหลอดเลือดของเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่ายอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเชื่อมต่อกับหลอดเลือดของเนื้อเยื่อต้นเหตุ ( Sanders and Mayou, 1979 ; Ben-Shaul et al., 2019 ) ดังนั้น การจัดให้มีสภาพแวดล้อมระดับเซลล์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบำบัดฟื้นฟูที่มีอยู่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
HBOT ใช้ในการบำบัดรักษา ชะลอวัย
การแก่ชราทำให้อัตราการกลายพันธุ์ ความเสียหายจากออกซิเดชันเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากการลดลงของกิจกรรมของไมโทคอนเดรีย การสูญเสียเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และการฝ่อตัวของกล้ามเนื้อ ( Borst and Lowenthal, 1997 ; Bailey, 2001 ; Short et al., 2005 ) เนื่องจากออกซิเจนเป็นตัวควบคุมที่สำคัญของกิจกรรมต่างๆ ของเซลล์ อัตราการเผาผลาญของแต่ละบุคคลจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพของเซลล์
การเปลี่ยนแปลงของความตึงของออกซิเจนในร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อการหายใจของเซลล์ ซึ่งเชื่อมโยงกับความชราของเซลล์ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนความตึงของออกซิเจนในทางคลินิกของแต่ละบุคคลอาจมีประโยชน์ทางการรักษาในแง่ของการชะลอความชรา
HBOT ถูกนำมาใช้ในการบำบัดรักษาต่างๆ เช่น การบาดเจ็บจากเนื้อตาย แผลไฟไหม้จากความร้อนและรังสี และการฟื้นฟูและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ( Villanueva et al., 2004 ; Girnius et al., 2006 ; Bennett et al., 2016 ) ผลทางสรีรวิทยาของ HBOT แสดงให้เห็นว่ามีบทบาทในพลวัตของเซลล์ต้นกำเนิดและกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่ออื่นๆ เช่น การสร้างหลอดเลือดใหม่และการสร้างหลอดเลือด ( Sanders and Mayou, 1979 ; Grassmann et al., 2015 )
HBOT ก่อให้เกิดภาวะออกซิเจนเกิน ซึ่งกระตุ้นเส้นทางการส่งสัญญาณชุดหนึ่งและทำให้เกิดการปลดปล่อยโมเลกุลส่งสัญญาณและปัจจัยการเจริญเติบโต การรักษาด้วย HBOT โดยทั่วไปต้องเข้ารับการบำบัดหลายครั้ง ทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่วงจรของระดับออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นและปกติ การเปลี่ยนแปลงของภาวะออกซิเจนเกิน/ออกซิเจนต่ำผ่านการกระตุ้นวงจรป้อนกลับ ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เนื่องจากมีขั้นตอนการรักษาที่หลากหลายและการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของแรงกดต่อสรีรวิทยาของมนุษย์
กลไกของผลลัพธ์การรักษาของ HBOT จึงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ในทางกลับกัน HBOT ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นสภาวะการรักษาและความสามารถในการฟื้นฟู ในการทบทวนวรรณกรรมนี้ เราได้บันทึกบทบาทสำคัญของ HBOT ในฐานะการรักษาเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผลกระทบของการเสื่อมสภาพของเซลล์
รู้จัก ไฮเปอร์แบริค (Hyperbaric Oxygen Therapy)
นพ. เสฏฐศิริ แสงสุวรรณ แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันผู้ชำนาญการด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์ทางทะเล โรงพยาบาลเมดพาร์ค อธิบายผ่านบทความว่าไฮเปอร์แบริค (Hyperbaric oxygen therapy) หรือ การบำบัดด้วยออกซิเจนแรงดันสูง เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ละลายในเลือด เพื่อช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย กระตุ้นกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ และเร่งให้ร่างกายกำจัดการติดเชื้อ กระตุ้นการรักษาแผลเรื้อรัง แผลหายยาก อาการบาดเจ็บรุนแรง หรือผลกระทบจากการฉายแสง
"ไฮเปอร์แบริค เป็นการบำบัดฟื้นฟูร่างกายด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ประสิทธิภาพสูงที่มีความปลอดภัย ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ เร่งให้แผลหายไว บรรเทาโรคหายยาก และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้เอาชนะโรคร้ายและหายจากโรคได้"
ทำไมต้องบำบัดด้วยไฮเปอร์แบริค
เมื่อร่างกายเกิดบาดแผล เนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายเกิดการอักเสบ และต้องการออกซิเจนที่เพียงพอไปช่วยในกระบวนการซ่อมแซมตนเองและเร่งให้แผลหายไว โดยทั่วไป แผลปกติมักใช้เวลาในการหายประมาณ 4 สัปดาห์ แต่แผลหายช้าหรือแผลเรื้อรังอาจใช้เวลา 4-8 สัปดาห์หรือนานกว่า เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบาดแผลเพื่อเร่งให้แผลหายเร็วได้
ไฮเปอร์แบริค ช่วยนำออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่กระแสเลือดเพื่อไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบาดแผลได้อย่างเต็มที่ กระตุ้นโกรทแฟคเตอร์ (Growth factor) และเสต็มเซลล์ (Stem cell) ที่ช่วยให้เนื้อเยื่อบาดแผลค่อย ๆ สมานตัวและหายดี ทั้งยังบำบัดอาการของโรคบางโรค อาการอักเสบติดเชื้อ อาการบวมช้ำ และอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไฮเปอร์แบริค ทำงานอย่างไร
อุโมงค์ไฮเปอร์แบริค ทำงานโดยการปรับความดันอากาศภายในให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 1 บรรยากาศ เพื่อสร้างออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ที่มีปริมาณความหนาแน่นของออกซิเจนมากกว่าชั้นบรรยากาศปกติเพื่อให้มีผลทางการรักษา ด้วยความดันบรรยากาศที่เพิ่มขึ้น ทำให้กระแสเลือดที่หมุนเวียนในร่างกายมีปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ทำให้ออกซิแจนจับเข้ากับเม็ดเลือดแดงได้มากขึ้นและละลายในกระแสเลือดได้ดีกว่าปกติถึง 20 เท่า ช่วยให้ผู้รับการรักษาได้รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้เต็มที่
โดยออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นจะกระจายไปทั่วร่างกาย ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหาย เร่งรักษาแผลหายช้า แผลเรื้อรัง หรือโรคบางโรค โดยการเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวให้สามารถต่อสู้เอาชนะโรค พร้อมทั้งเร่งกระบวนการหายของแผล จนกระทั่งหายดีได้ในที่สุด
โรคหรือภาวะที่บำบัดรักษาได้ด้วยไฮเปอร์แบริค
โรคหรือภาวะที่สามารถใช้ออกซิเจนแรงดันสูง หรือไฮเปอร์แบริค ในการบำบัด รักษาได้ ได้แก่
- ภาวะฟองอากาศอุดกั้นหลอดเลือดแดง
- ภาวะหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน
- โรคเส้นเลือดแดงจอตาอุดตัน
- ภาวะแผลหายยาก
- ภาวะพิษคาร์บอนมอนออกไซด์
- โรคแก๊ซแกงกรีน ภาวะเนื้อเน่าตาย
- การปลูกถ่ายผิวหนังและเนื้อเยื่อที่เสี่ยงต่อการล้มเหลว
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อจากการถูกกดทับ และภาวะความดันในช่องกล้ามเนื้อสูง
- โรคน้ำหนีบ โรคจากการลดความดันบรรยากาศ
- แผลเรื้อรังจากการฉายรังสี ภาวะเนื้อเยื่อหรือกระดูกตาย
- ภาวะประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน
- ฝีในสมอง
- การติดเชื้ออย่างรุนแรงของเนื้อเยื่ออ่อน
- การติดเชื้อของกระดูกที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาพื้นฐาน
- ภาวะโลหิตจางขั้นรุนแรง
- แผลไหม้จากความร้อน
- ภาวะกระดูกตายจากการขาดเลือด
โรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่สามารถใช้ออกซิเจนแรงดันสูง หรือไฮเปอร์แบริค ร่วมบำบัด รักษาได้ ได้แก่
- ภาวะอ่อนเพลียเรื้อรัง
- ภาวะบาดเจ็บทางสมอง
- โรคไฟโบรมัยอัลเจีย
- ไมเกรน ปวดหัว
- การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
- การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา
- สโตรก โรคหลอดเลือดสมอง
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด และการส่งเสริมการฟื้นตัวหลังการผ่าตัด
ขั้นตอนการบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์ทางทะเล จะซักประวัติ และตรวจวินิจฉัยอาการของผู้รับการรักษาอย่างละเอียด เพื่อประเมินระดับความรุนแรงของโรคและอาการ รวมถึงความเหมาะสมในการบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค หรือออกซิเจนแรงดันสูง จากนั้น แพทย์จะวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล โดยคำนวณปริมาณแรงดันและออกซิเจนที่เหมาะสมในการบำบัดรักษา เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
- แพทย์ และพยาบาลอธิบายขั้นตอนการบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค และแนะนำวิธีการปฏิบัติตนขณะรับการบำบัด
- ผู้รับการรักษาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่โรงพยาบาลเตรียมไว้ให้
- ผู้รับการรักษานอนราบลงบนเตียงของอุโมงค์ไฮเปอร์ริค
- เตียงไฮเปอร์แบริคจะค่อย ๆ เลื่อนนำผู้เข้ารับการรักษาเข้าไปภายในอุโมงค์
- แพทย์จะค่อย ๆ เปิดออกซิเจนทางการแพทย์ 100% เพื่อปรับแรงดันบรรยากาศตามที่ได้คำนวณเอาไว้
- แพทย์จะคอยสื่อสารกับผู้เข้ารับการบำบัดตลอดเวลาเพื่อสอบถามอาการข้างเคียง เช่น หูอื้อ
- แพทย์และพยาบาลจะคอยสังเกต และสอบถามอาการเป็นระยะผ่านทางโทรศัพท์ที่อยู่ติดกับเครื่องไฮเปอร์แบริค
- ผู้เข้ารับการรักษาผ่อนคลายอิริยาบถตามสบาย และสูดหายใจเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ได้อย่างเต็มที่
- ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้โทรศัพท์มือถือ เล่นโซเชียลมีเดีย ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือชมภาพยนตร์ได้อย่างอิสระ
- ผู้เข้ารับการรักษาสามารถติดต่อ สื่อสารกับแพทย์และพยาบาลที่ประจำอยู่ข้าง ๆ ได้ตลอดการรักษา
- การบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริคจะใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้รักษา
- เมื่อครบกำหนดเวลา แพทย์จะค่อย ๆ ปรับลดความดันอากาศภายในอุโมงค์ให้เท่ากับบรรยากาศภายนอก
- เตียงไฮเปอร์แบริคจะค่อย ๆ เลื่อนออก นำผู้เข้ารับการบำบัดรักษาออกจากอุโมงค์ไฮเปอร์แบริค
- แพทย์จะทำนัดเพื่อบำบัดรักษาครั้งถัดไป ผู้รับการรักษาเปลี่ยนเสื้อผ้าและสามารถกลับบ้านได้ทันที
ข้อดีของการรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค
ไฮเปอร์แบริค เป็นการบำบัดรักษาด้วยออกซิเจนที่ความดันสูง ซึ่งมีคุณประโยชน์ทางการการแพทย์มากมาย นานับปการ ดังนี้
- รักษาภาวะพร่องออกซิเจน เช่น โรคน้ำหนีบ (Decompression sickness) ภาวะพิษจากคาร์บอนมอนออกไซด์ พิษจากไซยาไนด์ การสูดหายใจควันไฟในปริมาณมาก ภาวะช็อค หรือการเสียเลือดมาก
- ลดอาการอักเสบ บวม และอาการฟกช้ำของเนื้อเยื่อหลังได้รับการบาดเจ็บ รวมถึงอาการสมองบวม
- ช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวในร่างกายให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรค ป้องกันการติดเชื้อ และเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย
- กระตุ้นการสร้างเส้นเลือด เส้นเลือดฝอยใหม่เพื่อให้ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อแผลเรื้อรัง หรือแผลหายช้า เช่น แผลเบาหวานที่เท้า แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลจากการสัมผัสกับสารเคมี
- ป้องกันการติดเชื้อทั้งแบคทีเรียและเชื้อรา และช่วยรักษาโรคติดเชื้อ
- กระตุ้นการสร้างโกรทแฟคเตอร์ และเสต็มเซลล์ ช่วยเร่งให้เนื้อเยื่อบาดแผลค่อย ๆ สมานตัวและหายดี
- ช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้เนื้อเยื่อร่างกาย รวมถึงเนื้อเยื่อบาดแผลได้มากกว่าปกติถึง 25 เท่า
- ช่วยเพิ่มพละกำลัง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย และลดอาการเหนื่อยล้า
- รักษาอาการบาดเจ็บรุนแรง ภาวะสมองขาดเลือด หรืออาการบาดเจ็บของระบบประสาท
HBOT มีประวัติอันยาวนานในการใช้รักษาโรคหลายชนิด แต่ผลของการสัมผัสออกซิเจนสูงภายใต้สภาวะความดันสูง (hyperoxic) ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการฟื้นฟูและชะลอวัย ในผู้ใหญ่ การฟื้นฟูเซลล์ถูกขัดขวางโดยปัจจัยสองประการ ได้แก่
การเสื่อมของเซลล์และการหดสั้นของเทโลเมียร์ ( Bernadotte et al., 2016 ) เซลล์ที่เสื่อมจะถูกกำหนดให้ตายตามโปรแกรม เนื่องจากเซลล์เหล่านี้จะไม่กลับเข้าสู่วัฏจักรเซลล์ถัดไปและถูกกำจัดโดยออโตฟาจี อัตราการเสื่อมของเซลล์จะเพิ่มขึ้นตามอายุ เนื่องจากการสะสมของการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมและการหดสั้นของเทโลเมียร์ทำให้ดีเอ็นเอเสียหายต่อเซลล์จำนวนมาก จึงทำให้เซลล์เหล่านี้หยุดการขยายพันธุ์ต่อไป ( Morgan et al., 2013 ) อาจมีการสะสมของเซลล์ที่เสื่อมเพิ่มขึ้นหรือการถูกกำจัดลดลงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอในผู้สูงอายุ
ดังนั้น การสะสมของเซลล์ที่เสื่อมจึงยิ่งส่งเสริมกระบวนการชราภาพ ผลการศึกษาพบว่า HBOT สามารถปรับเปลี่ยนภาวะเซลล์แก่และการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการชะลอการแก่ของเซลล์
ไฮเปอร์แบริค ออกซิเจนบำบัด ทำกี่ครั้ง
จำนวนครั้งของการบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค หรือออกซิเจนบำบัดของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับโรคและความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไป แพทย์จะพิจารณาการบำบัดรักษาผู้ที่มีอาการบาดเจ็บ หรือเจ็บป่วยรุนแรงด้วยไฮเปอร์แบริค 2-3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
แต่สำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บไม่มาก ผู้ที่ต้องการรักษาแผลหลังรับการผ่าตัด ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกีฬา หรือวัตถุประสงค์เพื่อการชะลอวัย แพทย์จะพิจารณาการบำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริคประมาณ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยแพทย์จะพิจารณาจากสุขภาพ วัตถุประสงค์ และความต้องการส่วนบุคลลเป็นหลัก
ผลข้างเคียงของไฮเปอร์แบริค
ผลข้างเคียงจากไฮเปอร์แบริคหรือการบำบัดด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง เช่น อาการเจ็บบริเวณหูชั้นกลาง ที่ทำให้มีอาการปวดหู หูอื้อ หรือปวดบริเวณโพรงไซนัส
อย่างไรก็ตาม การบำบัดด้วยไฮเปอร์แบริค มีอัตราการเกิดผลข้างเคียงที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับคุณประโยชน์ในการบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บรุนแรง แผลเรื้อรัง หรือโรคหายยาก ทั้งนี้ ในขณะที่ทำการรักษา แพทย์ และ/หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จะคอยอยู่เคียงข้างผู้รับการรักษาตลอดการรักษา ซึ่งหากผู้รับการรักษารู้สึกไม่สบาย สามารถแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่ประจำได้ตลอดเวลา
ไฮเปอร์แบริค มีผลการรักษาอย่างไร
จากผลการศึกษาและวิจัยผู้ที่มีแผลเรื้อรังรักษาไม่หายทั้งในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี จนถึงแผลเรื้อรังระยะเวลา 20 ปี และรวมถึงแผลเบาหวานระดับลึกที่บำบัดรักษาด้วยไฮเปอร์แบริค พบว่ามีอัตราการหายของแผลถึง 60% และเมื่อรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ ผู้รับการรักษากลุ่มเดียวกันมีอัตราการหายของแผลที่เพิ่มขึ้นถึง 75% ซึ่งเป็นอัตราความสำเร็จในการรักษาที่น่าพอใจ
ศูนย์บำบัดด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง รพ. เมดพาร์ค กรุงเทพ ประเทศไทย นำโดยทีมแพทย์เวชศาสตร์ป้องกัน แขนงเวชศาสตร์ทางทะเลที่มีประสบการณ์สูง พร้อมด้วยทีมสหวิชาชีพผู้ชำนาญการมีความพร้อมให้การบำบัดรักษาแผลเรื้อรัง แผลหายช้า
อาการบาดเจ็บจากกีฬา อาการทางระบบประสาท และการชะลอวัยด้วยไฮเปอร์แบริค หรือออกซิเจนบำบัดในห้องออกซิเจนความดันสูงมาตรฐานสากลที่ทันสมัยและมีความปลอดภัย เพื่อให้การบำบัดรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมด้วยโปรแกรมฟื้นฟูร่างกายโดยทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์เวชศาสตร์การกีฬา และนักกายภาพบำบัดที่ทำงานร่วมกันแบบองค์รวมในการให้การดูแล และติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้แผลหายเร็ว ฟื้นตัวจากโรคไว พร้อมทั้งป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้รับการรักษากลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกครั้ง