คอกระแทกแรงหรือสะบัดคอบ่อยเสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้จริงหรือไม่?
GM Live
อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เว็บไซต์ว่าด้วยเรื่องราวของผู้ชาย เทรนด์ บทสัมภาษณ์ บทวิเคราะห์ธุรกิจ รถยนต์ Gadget สุขภาพ อัพเดทก่อนใครสุขภาพ
จากหัวเรื่องที่ GM Live ตั้งเป็นเชิงคำภาพว่า คอกระแทกแรง เสี่ยงหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้จริงหรือไม่? นั้น เชื่อว่าหลายคนก็มีขอสงสัยอยู่ไม่ใช่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิตที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ อาการปวดคอ บ่า ไหล่ มาเยือนแน่นอน
และในยุคที่ข้อมูลด้านสุขภาพได้รับการส่งผ่านโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว หลายคนก็อาจเคยได้ยินคำเตือนว่า หาก “คอกระแทกแรง ๆ หรือสะบัดคอบ่อย ๆ อาจเสี่ยงทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น” ได้นั้น แน่นอนว่าข้อมูลเหล่านี้ย่อมสร้างความกังวลให้กับผู้ที่มีอาการปวดคอ รวมทั้งคนทำงานออฟฟิศที่มักจะเคลื่อนไหวคออย่างไม่ระมัดระวังโดดยเฉพาะเมื่อเกิดอาการเมื่อยล้าบริเวณต้นคอ
ในเมื่อความกังวลเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่จะทำให้คลายกังวลได้ คือการหาคำตอบที่ถูกต้องจากกรูรู และยิ่งเป็นคำตอบจากแพทย์เฉพาะทางด้านนี้โดยเฉพาะ ยิ่งน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ และนี่คือข้อมูลที่ทางGM Live ได้จาก นายแพทย์ สุทธวีร์ ปังคานนท์ แพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ โรงพยาบาล S Spine & Joint Hospital
หมอนรองกระดูกสันหลัง (Intervertebral Disc) เป็นแผ่นเจลเนื้ออ่อนที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละชิ้น ทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทก และช่วยให้กระดูกสันหลังเคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น ในกรณีที่หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น (Disc Herniation) เกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม แตก หรือเคลื่อนออกจากตำแหน่ง จนไปกดเบียดเส้นประสาท ส่งผลให้มีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงบริเวณแขน ขา หรือหลัง
การหันคอแรง หรือสะบัดคอด้วยความเร็วสูงในบางจังหวะ อาจไม่ใช่สาเหตุโดยตรงของหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น แต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะในผู้ที่มีหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มเสื่อมตามอายุ รวมทั้งมีพฤติกรรมที่ใช้คอผิดซ้ำ ๆ หรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับกระดูก แรงกระแทกเพียงครั้งเดียวอาจกลายเป็นปัจจัยเร่งให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นได้ทันทีเช่นกัน
ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า คอกระแทกแรง ๆ อาจไม่ทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้น “ทันที” ในคนปกติ แต่สำหรับในผู้ที่มีความเสื่อมอยู่แล้ว นี่อาจเป็น “ชนวนสุดท้าย” ที่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงขึ้นได้ในทันที
ทั้งนี้คุณหมอได้ยกตัวอย่างเคสที่เคยรักษาซึ่งทำให้พบว่า ในกรณีผู้ป่วยอายุน้อยมีภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นจากอุบัติเหตุล้มขณะเล่นสกี ซึ่งถือเป็นกรณีที่พบไม่บ่อยในคนวัยหนุ่มสาว แต่เกิดขึ้นได้จริงจากแรงกระแทกบริเวณ “คอ” และพฤติกรรมที่ถูกมองข้าม หลังล้ม ผู้ป่วยมีอาการปวดคอ โดยเข้าใจว่าเป็นอาการกล้ามเนื้ออักเสบทั่วไป จึงรับประทานยาและทำกายภาพบำบัดมานานกว่า 1 เดือน แต่อาการไม่หายขาด และกลับมาเป็นซ้ำอีกเรื่อย ๆ
“คนไข้เคยไปพบแพทย์หลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่บอกว่าเป็นแค่ออฟฟิศซินโดรม ทั้งที่อาการค่อนข้างรุนแรง และปวดจนทำงานไม่ได้”
ช่วงแรก ผู้ป่วยมีเพียงอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แต่ไม่ร้าว จนกระทั่ง 1–2 สัปดาห์ก่อนพบแพทย์ อาการเริ่ม “ร้าวลงแขนและนิ้ว” ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนของภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นกดทับเส้นประสาท เมื่อตรวจ MRI พบว่า หมอนรองกระดูกสันหลังบริเวณคอปลิ้นออกมาจริง และจุดที่ปลิ้นนั้น สอดคล้องกับตำแหน่งที่เกิดแรงกระแทกในวันเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง
สำหรับสัญญาณอันตรายของอาการที่ควรสังเกต
อาการปวดคอ บ่าไหล่ ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์
อาการ ไม่ดีขึ้นแม้จะได้รับยาและทำกายภาพบำบัดแล้ว
อาการ ปวดร้าวลงแขน ลงนิ้ว
มีอาการ ชาหรืออ่อนแรง
ซึ่งหากมีอาการชาหรืออ่อนแรง แล้วควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะหากทิ้งไว้นาน เส้นประสาทอาจเสียหายถาวร และไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ หรือกลับมาได้เพียงบางส่วน และการฟื้นตัวหลังการรักษาก็จะทำได้ยาก ยกเว้นในกรณีที่ถูกบริเวณไขสันหลังโดยตรง ซึ่งจะทำให้มีอาการเยอะมากและเป็นทั้งตัว
บริเวณที่พบหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นบ่อยที่สุด คือ บริเวณคอ ช่วงข้อต่อ C4-C5) และ ข้อ C5-C6 เนื่องจากเป็น ข้อต่อที่มีการขยับและเคลื่อนไหวในการก้มเงยมากที่สุดนั่นเอง
ในส่วนการป้องกันและดูแล
ใช้งานคออย่างถูกวิธี ปรับท่าทางเมื่อเล่นมือถือ โดยไม่ให้ก้มคอมากเกินไป และปรับระดับคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยง
ออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอ เพื่อช่วยให้กระดูกคอเสื่อมช้าลง และใช้งานได้นานขึ้น
ข้อมูล : S Spine & Joint Hospital (โรงพยาบาลเอส สไปน์) โทร . 02 034 0808
ภาพ : https://pixabay.com