ธปท.จัดกลุ่มบัญชี S M L จำกัดเงินโอนเริ่มต้นไม่เกิน 5 หมื่นบาท/วัน ป้องกันบัญชีม้า
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 20 สิงหาคม 2568 เวลา 1.22 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 19 ส.ค.- ธปท. เปิดข้อมูลไตรมาส 2/68 เหยื่อถูกหลอกโอนเงินเกือบ 6 พันล้านบาท ปิดบัญชีม้า 2.8 ล้านบัญชี ชี้เหยื่อรู้ตัวช้า จับมือสมาคมธนาคารไทย ยกระดับป้องกัน จัดกลุ่มบัญชี S M L จำกัดเงินโอนเริ่มต้นไม่เกิน 5 หมื่นบาท/วัน ลูกค้าใหม่เริ่มใช้ภายใน ส.ค.นี้ ลูกค้าเดิมภายในสิ้นปี 68 ย้ำต้องไม่กระทบลูกค้าดี
นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการจัดการภัยทุจริตทางการเงินว่า ตามที่ภาครัฐได้มีการตราพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มเติมมาตรการในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทั้งกำหนดให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน ผู้ประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
โดยข้อมูลไตรมาส 2 ปี 68 พบว่า การถูกหลอกจากเคสแอปดูดเงิน ลดลงเหลือ 0 เคส แต่ยังเกิดเหตุจำนวนมากที่เหยื่อถูกหลอกให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 5,651 ล้านบาท แม้จะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 8,590 ล้านบาท สามารถระงับบัญชีม้าได้ 2.8 ล้านบัญชี ระงับรายชื่อม้า 1.97 แสนรายชื่อ
ขณะที่เดือนมิถุนายน 68 จำนวน 24,500 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 2,800 ล้านบาท เฉลี่ย 114,000 บาทต่อเคส ยอดโอนสุดสุด 4.9 ล้านบาทต่อครั้ง โดยกลการหลอกยังเป็นการหลอกให้ลงทุน หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล ขู่ให้กลัว และหลอกให้โอนเงิน
สิ่งที่ ธปท. กังวลคือ มิจฉาชีพสามารถโอนเงินได้ครั้งละจำนวนมาก รวมถ่ายโอนเงินได้รวดเร็ว ภายใน 3 นาที สามารถโอนเงินออก 50% ของมูลค่าความเสียหาย ในทางกลับกันเหยื่อยังไม่รู้ตัวในทันที แต่จะรู้ตัวภายใน 19-25 ชั่วโมง จึงจะแจ้งข้อมูลเข้าระบบ แม้ธนาคารจะแจ้งเตือนแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ดี ธปท. จึงร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยยกระดับมาตรการเชิงป้องกัน โดยกำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันผ่านช่องทางดิจิทัลของลูกค้าบุคคลธรรมดาให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการทำธุรกรรมของลูกค้า เพื่อให้ธนาคารดำเนินการเชิงรุกการป้องกันและจำกัดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนที่ถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านนางอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินชี้แจงว่า มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลัก คือ 1. จำกัดไม่ให้มิจฉาชีพสามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ครั้งละจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพถ่ายโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้เร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะกักเงินของผู้เสียหายไว้ได้ทัน และ 2.จำกัดความเสียหายของประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของมิจฉาชีพ โดยธนาคารจะพิจารณากำหนดวงเงินการโอนและชำระเงินต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและพฤติกรรมการทำธุรกรรมในอดีตของลูกค้า ทั้งข้อมูลลูกค้า ลักษณะต้องสงสัยที่จะเป็นวิชาชีพ เงินเข้า-ออกบัญชี ประวัติการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ และสินทรัพย์ เป็นต้น
โดยบัญชีต้องสงสัยที่อาจเป็นบัญชีม้า จะถูกกำหนดอยู่ไซส์ S วงเงินการโอนไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน / ส่วนลูกค้าทั่วไปที่ธนาคารรู้จักดีจะถูกปรับสู่ไซส์ M วงเงินการโอนไม่เกิน 200,000 บาทต่อวัน / และลูกค้าไซส์ L วงเงินการโอนมากกว่า 200,000 บาทต่อวัน / ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มเปราะบาง จะถูกจัดกลุ่มในไซส์ S เพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากการถูกของหลอกมิจฉาชีพมากเกินไป และจะมีกระบวนการเตือนจากธนาคารหากมีพฤติกรรมการโอนเงินผิดปกติ รวมทั้งจะมีการเตือนการจัดกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางการแจ้งเตือนของธนาคารที่ใช้บริการ
ทั้งนี้ การดำเนินมาตรดังกล่าวจะครอบคลุมลูกค้าประเภทบุคคลธรรมดาของธนาคารพาณิชย์ทั่วประเทศ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ แต่จะไม่ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มสหกรณ์
อย่างไรก็ตาม ธนาคารต้องมีแนวทางลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อลูกค้าด้วย เช่น มีกระบวนการรองรับกรณีลูกค้ามีความจำเป็นฉุกเฉินต้องโอนเงินหรือชำระเงินสูงกว่าวงเงินต่อวันที่โอนได้ โดยให้ธนาคารดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวกับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้บริการ mobile banking หรือ internet banking ก่อนภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2568 และหลังจากนั้นจะดำเนินการกลุ่มลูกค้าปัจจุบันภายในสิ้นปี 2568 พร้อมกำชับว่าต้องไม่กระทบต่อกลุ่มลูกค้าดีมากจนเกินไป.-516-สำนักข่าวไทย