“สมศักดิ์” อ้างผลสอบ "หมอสุภัทร" เป็น “มติลับ” เปิดเผยไม่ได้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวกรณีผลสอบวินัยร้ายแรง ที่มีมติให้ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ออกจากราชการ ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร เพราะสังคมสงสัยและตัวหมอสุภัทรก็สงสัย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มีใครทราบหรอก เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการสอบวินัย และ ยังเป็นความลับอยู่ และถ้ายังเป็นความลับอยู่ ถ้าคนไปรู้ หรือเอามาพูดกัน แสดงว่าไปแอบดูของเขามา มันก็ผิดอีก ฉะนั้นเราก็อย่าเพิ่งใจร้อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมอสุภัทรบอกว่า ยังไม่เคยถูกเรียกให้เข้าไปชี้แจงด้วยตัวเองกับคณะกรรมการสอบ (มีแต่ส่งเอกสารไป 1 ครั้ง เมื่อต้นปี 2568)
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพิ่งทราบวันนี้ เพราะถูกตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ ไม่ทราบครับ
เมื่อถามว่า จะต้องทบทวนจุดไหนหรือไม่ เพราะฝ่ายที่เขาสงสัย ไม่ว่าจะเป็นหมอสุภัทร หรือ สังคม ก็อยากให้เปิดเผยผลสอบ และเรื่องราวที่สอบวินัย เพื่อความโปร่งใส พร้อมรายละเอียดต่าง ๆ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ทำไปตามระเบียบของแต่ละฝ่าย ที่เขาดำเนินการ เพราะกรณีนี้ก็คงมีการร้องเรียนกันนะครับ ถ้าทำไม่ถูกเดี๋ยวก็ต้องถูกร้องเรียนกันไปอีก ไม่รู้ว่าใครจะถูกตั้งกรรมการต่อไปอีก แต่ผมไม่เกี่ยวนะ เพราะผมก็ตอบไปตามข้อเท็จจริงเท่าที่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อสงสัยกันว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีการตั้งธงไว้หรือไม่
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผมไม่ทราบนะ ผมจะไปทราบได้ไง ผมเพิ่งมาอยู่ทีหลัง
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีมีข้อสังเกตอย่างไร เพราะมีการพูดว่า เป็นความขัดแย้งภายในระหว่างผู้บริหารกระทรวงกับทีมแพทย์ชนบท
นายสมศักดิ์กล่าวว่า โธ่ ผมไม่ได้มองอะไรหรอก อันนี้นะ เรื่องมันยังไม่ถึงผม แล้วผมจะเอาเรื่องประเด็นที่ยังมาไม่ถึงผม มาสั่งการอะไร คือตอนนี้ทุกฝ่ายก็ให้การดำเนินการไปตามข้อกฎหมายระเบียบ คณะกรรมการเขาสอบสวนกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเสร็จแล้ว (15 ส.ค.2568) เขาก็สรุป
ซึ่งตามระเบียบแล้ว เขาต้องส่งท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อส่งต่อมาเข้าที่ประชุม อกพ.กระทรวงฯ ที่มีผมเป็นประธาน แต่ไม่รู้ว่าประชุมวันไหนนะ เมื่อถึงวันนั้น ก็ค่อยมาถามอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้จะให้ผมไปรู้ของเขาได้ไง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นที่หมอสุภัทรจะมาร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐมนตรี
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็มาได้ไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าประชุมวันไหน ไม่เป็นไรหรอก ถ้าผมไม่อยู่ก็จะให้ ธนกฤต ( นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.สธ.) คอยรับ
เมื่อถามถึงกรณีการจัดซื้อ ATK นอกจากดูระเบียบแล้ว ในช่วงวิกฤต (โควิด-19) ตอนนั้น ต้องดูเรื่องของเจตนาด้วยหรือไม่
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และระเบียบนะครับ (ประเด็นนี้ หมอสุภัทร ระบุว่า การจัดซื้อยึดประกาศกรมบัญชีกลาง งบฉุกเฉิน ช่วงวิกฤตโควิด) ไม่ต้องสมมุติอย่างโน้นอย่างนี้เดี๋ยวยุ่ง เอาตามกรอบของกฎหมาย ระเบียบ และการดำเนินการ ให้มันเป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการ
อันนี้คือความยากเหมือนกัน ที่จะไปตอบอย่างโน้นอย่างนี้ไป เดี๋ยวก็เป็นสงครามปล่อยข่าวกันไป ปล่อยข่าวกันมา มันไม่ใช่หน้าที่ ที่ผมจะต้องไปทำอย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้ทางประธานคณะกรรมการที่สอบวินัยร้ายแรง ออกมาพูดเรื่องนี้ไหมว่า การสอบเกี่ยวกับเรื่อง-ระเบียบแบบไหน เพื่อให้สังคมได้เห็นชัดๆ ว่า หมอสุภัทรผิดตรงไหน อย่างไร
นายสมศักดิ์กล่าวว่า เอาตามระเบียบของทางราชการนะ ผมยังไม่ทราบ ไม่รู้ ดังนั้นตอนนี้จะไปสั่งการอะไรไม่ได้เพราะเรื่องยังไม่ถึงผม
เมื่อถามต่อว่า มีแนวโน้มความเป็นไปได้ไหมว่า โดยขั้นตอน ถ้ามีประเด็นที่สังคมสงสัยแล้วกระทรวงจะสามารถเปิดเผยให้เกิดความโปร่งใส หรือมีรายละเอียดต่าง ๆ
นายสมศักดิ์กล่าวว่า อะไรที่เปิดเผยได้ ไม่ได้เป็นความลับทางราชการ ก็เปิดเผย ถ้าเป็น ความลับ เราก็ต้องทำให้เปิดเผยได้ ถึงจะเปิดเผยได้ เพราะเรื่องของความลับ เราจะเอาความลับมาเปิดเผย มันก็จะมีปัญหาตามมาอีกไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวหมอที่ถูกสอบ เขาก็อยากให้เปิดเผยว่า เกิดอะไรขึ้น และจะได้เคลียร์ชัดทุกฝ่ายไปด้วย
นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องอื่นมีเยอะนะ ถ้าเปิดเผยทุกเรื่องเดี๋ยวก็ทำไม่ทัน จะให้ไปรับปากใครอะไร ยังไม่ได้ ขอให้ได้เห็นเนื้อเรื่องก่อน
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า วันนี้ (18 ส.ค.2568) ได้ไปตอบกระทู้สดที่รัฐสภา ประเด็นหมอสุภัทรว่า ผมตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎร เขาตั้งคำถามว่า มีการปฏิบัติเหมือนกันอย่างนี้ (เรื่องจัดซื้อ ATK) แต่ผู้อื่นไม่ถูกตั้งกรรมการสอบ ผมตอบไปว่า หน่วยงานของทางราชการมันมีเยอะ และจากการตรวจสอบภายในเนี่ย คงไม่ได้ 100 % ทั้งหมด แต่หลงเหลือตรงไหนอย่างไร ยังไม่ได้ตอบ
ถ้าใครเห็นความผิดอะไร ก็ช่วยบอก ช่วยร้องเข้ามา เราก็จะได้ตรวจสอบมากขึ้น ไม่ใช่ว่าไปเจาะจงเฉพาะเป็นรายๆ ถ้าไม่มีการร้องเรียนมา อย่างต้องไปดูหน่วยงานตรวจสอบอย่าง ป.ป.ท, ป.ป.ช. ก็ทำในส่วนที่ได้รับการร้องเรียน ถ้าไม่ได้รับการร้องเรียน บางทีก็หาไม่พบ หาไม่เจอ แต่ก็ไม่ใช่ว่า ไม่มีร้องเรียนมา ก็ไม่ตรวจสอบ ก็อย่าไปเถรตรงอะไรอย่างนั้น คนไทย
และผมเห็นมีปัญหา คำพูดคำจาในลักษณะนี้ เราบางครั้งต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจบ้างนะ เพราะ “หน้ากระดาษมันแพง” ถ้าจะเขียนอะไรทั้งหมดเลยเนี่ย เราบอกว่า การตรวจสอบทางราชการ เขาก็ตรวจสอบหมดนั่นแหละ บางครั้งมันก็หลงหูหลงตาไป กำลังการตรวจสอบมันก็มีแค่เฉพาะเจาะจงนะ
บางทีเรามีงบอยู่จำนวนเท่านี้ บางทีก็ตรวจไม่หมด บางทีหน่วยงานอย่าง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บางทีเขาก็ตรวจแค่ 3 % ของข้อมูลทั้งหมด เพราะถ้าตรวจทั้งหมดก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าท่านหรือใครเห็นตรงไหนมันผิดหรือถูกก็บอกมา ก็ร้องเรียนได้ อย่าไปเอาคำพูดคำจาไปตัดต่อไม่ครบ แล้วมันก็เป็นปัญหาสังคม
สังคมประเทศไทยวันนี้เราต้องรักความสามัคคีของผู้คนในชาติ แต่ผมไม่กล้าไปบอกไปสอนใครหรอก ก็เพียงแต่ว่า ในรายละเอียดผมพูดตั้งหลายครั้งว่า ในประเทศของเรา เวลาเรียนหนังสือ มันมี 2 ส่วน คือ แผนกวิทย์ กับ แผนกศิลป์
ขออนุญาตยกตัวอย่างอีกส่วนหนึ่ง แผนกศิลป์ก็อาจจะชอบอธิบายความยาวๆ พวกแผนกวิทย์ก็ บวก ลบ คูณ หาร สั้นหน่อยก็ได้อะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ถนัดเลย ผมว่ามันก็พอสมควรแล้ว ดูแล้ว ละไว้ในฐานที่เข้าใจไว้บ้าง
เมื่อถามว่า กรณีของหมอสุภัทร มีการล็อกสเปกผลตรวจ ATK หรือไม่ จึงต้องตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผมว่าพวกเราลองไปศึกษาดูระเบียบของทางราชการว่า ป.ป.ช. สอบอย่างไร ป.ป.ท. สอบอย่างไร การผิดระเบียบผิดอย่างไร สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ผมไม่ควรเกี่ยวข้องเยอะหรอกนะ เพราะผมไม่ใช่หน่วยงานตรวจสอบ เพียงแต่ว่า ต้องถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ ทุกอย่างมันจะหมดปัญหา
บางทีเราไม่ได้ทุจริตอะไรหรอก ไม่ใช่โกงอะไรหรอก แต่มันผิดระเบียบ ทางราชการเขาถือว่าผิด อันนี้ ผมก็เลยยกตัวอย่างให้ทางสภาฯ ฟังว่า ผมเคยให้หน่วยงานของกระทรวงหนึ่ง เขียนร่างกฎหมาย Law of Efficiency อะไรที่มันไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องที่เข้าประโยชน์กับตัวเอง และประโยชน์กับส่วนรวมต่าง ๆ และไม่ได้ทำผิดระเบียบ หรือ ขอระเบียบอะไรต่าง ๆ ให้ครบถ้วน มันก็มีความผิด อันนี้ก็ให้ใช้ Law of Efficiency ทำให้เกิดประโยชน์กับคนทำงาน เพื่อแก้ปัญหา แต่ว่าร่างฯ นี้ยังไม่จบ เพราะมีความเห็นหลากหลาย ดังนั้นเรื่องที่เป็นความเห็นเราคนเดียว จะเป็นเรื่องที่ชี้ถูกผิดไม่ได้หรอก ก็ต้องเลือกที่มีกฎหมายตราไว้ตอนนี้ เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น
สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามทาง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ นายสมศักดิ์ ถึงประเด็นที่หมอสุภัทร ที่มีการระบุว่า เป็นความขัดแย้งกับปลัดกระทรวงสาธารณสุข แต่ นพ.โอภาส ยกมือปฏิเสธไม่พูด และรีบเดินออกไปพร้อมกับนายสมศักดิ์ทันที
รายงาน : ภัทราพร ตั๊นงาม ผู้สื่อข่าวออนไลน์ ไทยพีบีเอส
อ่านข่าว :