ศบ.ทก. ขออภัยประชาชน เร่งจ่ายเยียวยา กต. ซัดกัมพูชาใช้เด็ก-คนแก่เป็นด่านหน้า
ศบ.ทก. เร่งจ่ายเยียวยา ขออภัยประชาชนล่าช้า เข้มป้องแฮกระบบคอมพิวเตอร์ 24 ชม. ด้าน ก.ต่างประเทศ แจงไทยลุยฟ้องประชาคมโลก ซัดกัมพูชาใช้ประชาชนเป็นด่านหน้า ทอ. ยังเข้มสกัดโดรนผิดกฎหมาย-ภัยมั่นคง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2568 นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาธิการ สมช.) เป็นประธานการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า สถานการณ์ชายแดนโดยรวมในห้วงที่ผ่านมาถือว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังตรึงกำลัง ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของกำลังที่สำคัญ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวตรวจพบการลักลอบการวางทุ่นระเบิดของทหาร BHQ กัมพูชา ในพื้นที่อธิปไตยของไทย แม้ผลักดันกลับไปแล้วแต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าทางฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงมีการละเมิดข้อตกลงของการประชุม JBC อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาและดูแลสุขภาพจิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แจ้งความคืบหน้าในที่ประชุม ศบ.ทก. ว่า สั่งจ่ายเงินเยียวยาประชาชนไปแล้ว โดยวันที่ 26 สิงหาคม 2568 สปน. จะนำงบประมาณสั่งจ่ายไปยังพื้นที่ใน จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดแรก จากนั้นจะเป็น จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ศรีสะเกษ ที่ต่อไป ถ้าประชาชนสามารถยื่นเอกสารได้อย่างครบถ้วน เงินจะถึงท่านได้อย่างเร็ว สปน. เล็งเห็นถึงปัญหาความขัดข้องและความล่าช้าในการสั่งจ่ายงบประมาณไปยังประชาชน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขให้กระบวนการสั่งจ่ายมีความรวดเร็ว ต้องกราบขออภัยประชาชนในโอกาสนี้ แต่อย่างไรก็ตามเราพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหานี้
ส่วนเรื่องความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีการตรวจพบการเข้ามาโจมตีระบบทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัยต่างๆ ประชาชนตรวจพบมีการแฮกข้อมูลเข้ามา เราไม่ได้นิ่งนอนใจ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจสอบภัยคุกคามทางไซเบอร์ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์ติดตามสถานการณ์และความเสียหายที่เกิดขึ้น และจะร่วมกับ ศบ.ทก. กำหนดท่าทีที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินการระหว่างประเทศต่อไปบนข้อมูลที่มีหลักฐานชัดเจน หากมีการตรวจพบเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ประชาชนสามารถแจ้งมายังที่ศูนย์ประสานงานการรักษาระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (ThaiCERT)
ซัดกัมพูชาใช้เด็ก คนชรา ผู้พิการ เป็นด่านหน้า
ทางด้าน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า การดำเนินการเชิงรุกของไทยในเวที นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีภารกิจเดินทางเยือนนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 26-28 สิงหาคม 2568 ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับกรณีที่กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตอธิปไตยของไทย ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ นายมาริษ มีกำหนดเข้าพบกับผู้แทนประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีบทบาทสำคัญในประเด็นทุ่นระเบิด รวมถึงคณะกรรมการปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา เพื่อยืนยันหลักฐานเชิงประจักษ์ให้เห็นว่าไทยยึดมั่นในการเปิดเผยโปร่งใสและตรวจสอบได้ รวมถึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายโน้มน้าวกัมพูชาให้ปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างจริงจัง และร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ระเบิดตามแนวชายแดนไทย โดยยังคงยืนหยัดดำเนินการเชิงรุก พร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกสากลทุกขั้นตอนเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและจริงใจว่าไทยไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด นอกจากนี้ นายมาริษ ยังกำหนดพบกับสำนักงานใหญ่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดของไทยตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช กล่าวอีกว่า ขอใช้โอกาสนี้แสดงให้เห็นถึงการกระทำของกัมพูชาที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรม โจมตีเป้าหมายพลเรือน การนำเด็กมาใช้ในคลิปวิดีโอกับทุ่นระเบิด การใช้พื้นที่ชุมชนเป็นฐานที่มั่นทางทหาร ผลักดันเด็ก คนชรา และผู้พิการ ให้ออกมาเป็นด่านหน้า เป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและขัดต่อกติกาสากลโดยสิ้นเชิง ขอย้ำว่าความปลอดภัยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องได้รับการคุ้มครองสูงสุดในฐานะประเทศที่มีความรับผิดชอบต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ประเทศไทยจะยังคงร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กัมพูชาปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาออตตาวาและหลักการสากล โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง
ทอ. ยังเข้มสกัดโดรนผิดกฎหมาย
ขณะที่ น.อ.กฤษณัส กาญจนกุล ผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงานบูรณาการระบบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ กองทัพอากาศ ระบุว่า การต่อต้านโดรนผิดกฎหมาย กองทัพอากาศได้บูรณาการทุกเหล่าทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา เนื่องจากปัจจุบันยังมีการกำหนดการห้ามบินโดรนในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่ทางทหาร หน่วยราชการ และตามแนวชายแดน โดยพื้นที่ที่บินโดรนได้นั้นเป็นไปตามประกาศของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ต้องทำตามข้อกำหนดที่ให้ลงทะเบียนการขึ้นบิน ทำการบินในระยะความสูงไม่เกิน 90 เมตร และสามารถบินได้เฉพาะเวลากลางวัน
โดยหน่วยงานมั่นคงได้บูรณาการขีดความสามารถในการต่อต้านโดรน ด้วยระบบของทุกหน่วยงานทั้งการค้นหา การสกัดกั้นและทำลาย รวมถึงแลกเปลี่ยนข่าวกรองเพื่อป้องกันและต่อต้านโดรนเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และแบ่งพื้นที่ปฏิบัติการเพื่อให้การต่อต้านโดรนครอบคลุมทุกพื้นที่สำคัญ การจำกัดโดรนผิดกฎหมายทั้งทหารตำรวจ ฝ่ายปกครอง ได้ผนึกกำลังค้นหาจับกุมผู้ปล่อยโดรนผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างจริงจัง หากประชาชนพบเห็นการใช้โดรนผิดกฎหมายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงขอให้แจ้งข้อมูลสำคัญ เช่นวันเวลาที่พบเห็น ลักษณะโดรน รวมถึงภาพถ่าย ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยเร็ว.
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศบ.ทก. ขออภัยประชาชน เร่งจ่ายเยียวยา กต. ซัดกัมพูชาใช้เด็ก-คนแก่เป็นด่านหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชายแดนสระแก้วตึงเครียด "ชาวกัมพูชา" บุกรื้อรั้วลวดหนาม–ปาของใส่ทหารไทย
- ทบ. แจง เป็นคลิปเก่า "นายทหารทำร้ายกำลังพล" ผู้ก่อเหตุถูกลงทัณฑ์ตามระเบียบแล้ว
- "แม่ทัพภาคที่ 2" ย้ำชัด ไม่รับข้อเสนอรื้อแนวรั้วลวดหนาม แลกการเก็บกู้ระเบิด
- "ภูมิธรรม" ถกสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยันไทยสู้ด้วยความจริง
- กองทัพภาคที่ 1 แจงเหตุ กัมพูชาฮือรื้อลวดหนาม ที่บ้านหนองจาน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath