ทบ.ปัดกัมพูชาตั้งเงื่อนไข ไทยรื้อลวดหนามแลกเก็บกู้ทุ่นระเบิด คณะผู้สังเกตการณ์ 8 ประเทศ ลงพื้นที่หนองจาน ตรวจสอบหมู่บ้านกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทย
เวลา 17.20 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณี พล.ท.หญิงมาลี คือ พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า หากไทยจะเก็บกู้วัตถุระเบิด ต้องรื้อรั้วลวดหนามออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด ว่า จากการตรวจผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ในวันนี้นั้น กัมพูชาไม่มีเงื่อนไขให้ไทยรื้อรั้วลวดหนามจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาแลกกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยขอให้ยึดตามคำแถลงข่าวของแม่ทัพภาคที่ 1 เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ไม่ใช่
ขณะเดียวกันเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงสภาพพื้นที่หลักเขตที่ 46 -47 ที่อยู่ด้านในเขตอธิปไตยไทย โดยกองกำลังบูรพาได้มีการบรรยายสรุป เส้นปฎิบัติการตาม แผนที่1: 50000 สภาพบ้านเรือนร้างของชาวกัมพูชาที่สร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย
ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป ขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งหอบเอกสารสิทธิ์ถึอครองที่ดิน ตั้งใจจะมาแสดงให้คณะได้รับทราบปัญหาพร้อมเล่าว่า ทำมาหากินไม่ได้ เพราะชาวกัมพูชาที่อพยพมาอยู่ ขับไล่ และมีการตั้งฐานของทหาร ตอนนี้เดือดร้อนหนัก อยากบอกรัฐบาลให้เร่งจัดการให้จบ
วันเดียวกันนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงข่าวยืนยันว่า พื้นที่บ้านหนองจาน อยู่ใน จ.สระแก้ว ของไทย ซึ่งในอดีตได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงคราม เมื่อปี 2524 แต่ต่อมาฝ่ายกัมพูชากลับขยายพื้นที่ชุมชนออกไป ซึ่งถือว่าละเมิด MOU 2543 โดยฝ่ายไทยจำเป็นต้องวางลวดหนามในเขตไทย เพื่อปกป้องอธิปไตย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงป้องกันการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด พร้อมทั้งยืนยันว่าการกระทำของกองทัพไทยไม่ขัดต่อข้อตกลงหยุดยิง
ด้านนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กต. เปิดเผยว่า พื้นที่บ้านหนองจานตั้งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 ซึ่งเป็นแนวเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 โดยหลังจากสงครามสิ้นสุดแล้ว ชาวกัมพูชาเหล่านี้ยังคงเข้ามาก่อสร้างที่อยู่อาศัยและขยายที่ดินทำกินจนออกนอกแนวรั้วที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีการตั้งที่ทำการของหน่วยงานทางการกัมพูชาและเชิญธงชาติกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย
อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ยืนยันว่า ที่ผ่านมาฝ่ายไทยไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการทักท้วงมาโดยตลอด ทั้งขอให้ชาวกัมพูชาย้ายออกและดูแลไม่ให้ขยายที่ดินทำกินเพิ่มเติมอีก แต่ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ตอบสนองใดๆ รวมถึงเคยอ้างว่าขอตรวจสอบแนวหลักเขตแดนให้แน่ชัดก่อน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ขัดต่อ MOU 2543 พร้อมทั้งยืนยันว่า กรณีบ้านหนองจานไม่กระทบกับกระบวนการปักปันเขตแดนร่วมกันที่ยังคงดำเนินต่อไป