โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ผวา “เมียนมา”ปิดด่านยาว สะเทือนค้าไทย 2.5 แสนล้าน รัฐ-เอกชนเร่งหาทางออก

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมากำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ หลังเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเมียนมาสั่งปิดด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดีอย่างกะทันหัน สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคธุรกิจไทย ส่งผลให้เวลานี้รถบรรทุกสินค้าหลายร้อยคันต้องจอดรอหน้าด่าน กระทบต่อการค้าชายแดนอย่างรุนแรง คำสั่งดังกล่าวมีเป้าหมายจัดระเบียบการค้าชายแดนเพื่อให้รัฐบาลเมียนมามีรายได้เพิ่มขึ้น

จากการตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากรของ “ฐานเศรษฐกิจ” การค้าไทย-เมียนมาปี 2567 มีมูลค่ารวม 253,517 ล้านบาท (ในจำนวนนี้เป็นการค้าชายแดน 208,937 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน -1.3% โดยไทยส่งออก 146,549 ล้านบาท ลดลง -3.5% นำเข้า 106,969 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +1.7% ไทยเกินดุลการค้า 39,580 ล้านบาท ลดลง-15.3%

ส่วนช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 การค้าไทย-เมียนมา มีมูลค่ารวม 130,012 ล้านบาท (ในจำนวนนี้เป็นการค้าชายแดน 105,149 ล้านบาท) ลดลง 0.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยส่งออก 78,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +5.0% นำเข้า 51,810 ล้านบาท ลดลง -6.7% ไทยเกินดุลการค้า 26,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.5%

เมียนมาสแกนเข้มสินค้านำเข้า

แหล่งข่าวจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การปิดด่านพรมแดนของเมียนมาในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบสินค้านำเข้าที่ผิดกฎหมาย ที่เป็นเหตุผลสำคัญทำให้รัฐบาลเก็บภาษีไม่ได้ ซึ่งเมียนมาเริ่มปิดด่านมาตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2568 เป็นต้นมา และเวลานี้ได้ปิดหลายด่านตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ส่งผลกระทบต่อการค้าสองฝ่ายอย่างมาก และยังไม่มีความชัดเจนว่าสถานการณ์เช่นนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร

“เวลานี้ด่านพรมแดนมากกว่า 10 ด่านตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา 8 จังหวัดต้องปิดลง ไล่ตั้งแต่ด่านแม่สายจังหวัดเชียงราย ไปจนถึงจังหวัดระนองที่ไทยมีพรมแดนติดกับเมียนมายาวกว่า 2,400 กิโลเมตรเพื่อตรวจสอบสินค้านำเข้าผิดกฎหมาย โดยไม่เสียภาษี ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย เฉพาะที่ด่านแม่สอดมีรถยาวเหยียดเพื่อรอข้ามไปยังฝั่งเมียวดีของเมียนมามากกว่าร้อยคัน ส่วนที่ติดอยู่ทางฝั่งเมียวดีเพื่อรอข้ามมาฝั่งไทยก็มีจำนวนมากเช่นกัน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ทุกคนไม่กล้าขยับเลย”

รายงานข่าว เผยว่าในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยจะมีการประชุมหารือกันที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนจากกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง ด่านศุลกากร ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) สภาอุตสาหกรรมฯ และหอการค้าจังหวัดที่อยู่ติดชายแดนไทย-เมียนมา 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง รวมถึงสภาธุรกิจไทย-เมียนมา ทั้งนี้เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหา และการปรับตัวของไทยต่อไป”

เศรษฐกิจโตต่ำ-ทุนสำรองเหือด

สำหรับเมียนมาในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก โดยการขยายทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี ขยายตัวในอัตราต่ำ ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศก็เริ่มร่อยหรอ ส่งผลกระทบต่อการค้าไทย-เมียนมาที่สัดส่วนกว่า 80% เป็นการค้าชายแดน

สอดคล้องกับรองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน ที่กล่าวว่า เมียนมาเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหารปี 2564 โดยเศรษฐกิจเมียนมาถดถอยอย่างรุนแรง จากสหรัฐและชาติยุโรปคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ การลงทุนของต่างชาติบางส่วนถอนตัว การสู้รบกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง ค่าเงินจ๊าตที่ตกต่ำ ขณะที่ภาครัฐจัดเก็บรายได้จากภาษีได้ลดลง รวมถึงทรัพยากรมนุษย์หายไปจำนวนมากหลังประกาศให้มีการเกณฑ์ทหารเพื่อสู้รบกับกลุ่มชาติพันธุ์ ส่งผลให้แรงงานไหลออกนอกประเทศ

ล่าสุดเมียนมามีนโยบายรักษาทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศในรูปดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้ส่งออก เช่นผู้ส่งออกของไทยที่ต้องการส่งออกไปเมียนมา ต้องมีคู่ค้าที่มีอิมพอร์ต ไลเซ่น (Import License) หรือ ใบอนุญาตนำเข้า โดยต้องไปหาคู่ค้าในเมียนมา เช่น ผู้นำเข้าอยากจะซื้อสินค้าไทยมูลค่า 100 ดอลลาร์สหรัฐก็ต้องแสดงหลักฐานว่ามีรายได้ในบัญชีธนาคาร 100 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อรักษาทุนสำรองเงินตราในประเทศไว้ เป็นต้น

“คู่ค้ารายใหญ่ของเมียนมาคือ จีนและไทย โดยเมียนมามีการส่งออกไปสหรัฐไม่มาก ทำให้ไม่ค่อยสนใจในการเจรจากับสหรัฐเรื่องภาษี (Reciprocal Tariffs) ส่งผลให้ ณ เวลานี้สินค้าจากเมียนมาเข้าสหรัฐถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 40% ขณะที่ผลพวงจากสถานการณ์สู้รบในประเทศกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ต้องการแยกตัวเป็นอิสระก็ยังดำเนินอยู่ ทำให้คนเมียนมาเข้ามาทำงานที่ไทยมากขึ้น ส่วนคนที่มีฐานะร่ำรวยของเขาก็มาตั้งรกราก ซื้ออสังหาริมทรัพย์อยู่ในเมืองไทยเพิ่มขึ้น”

ไทยเบอร์ 3 ลงทุนเมียนมา

ด้านการลงทุนของต่างชาติในเมียนมา ในเวลานี้ ดร.อัทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ในเมียนมาใน 3 อันดับแรกได้แก่ สิงคโปร์ จีน และไทย โดยในส่วนของไทยได้เข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ชุดชั้นในสุภาพสตรี บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง และสินค้าอุปโภค-บริโภคต่าง ๆ รวมถึงการทำธุรกิจส่งออก-นำเข้า

อย่างไรก็ดีจากที่เมียนมาจะการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปีนี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยังเป็นไปตามเดิมหรือไม่ และที่น่าจับตาคือหากมีการเลือกตั้งแล้วผลการเลือกตั้งที่ออกมาจะช่วยสร้างเชื่อมั่นให้กับต่างชาติหรือไม่

FDI ไทย 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์

จากการตรวจสอบข้อมูลของ “ฐานเศรษฐกิจ” อัปเดตล่าสุด ภาพรวมมูลค่าการลงทุนสะสมของไทยในเมียนมา(จนถึงปีงบประมาณ 2024-2025 เมียนมาได้อนุมัติโครงการลงทุนจากไทย(FDI) รวม 11,695 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อยู่ในอันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์และจีน) จำนวนโครงการทั้งหมด 159 โครงการ

ส่วนมูลค่าการลงทุนที่ยังดำเนินการอยู่ (จนถึงปีงบประมาณ 2024‑2025) มูลค่าการลงทุนไทยที่ยัง active อยู่ในเมียนมา อยู่ที่ 4,483.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อยู่ในอันดับที่ 5) โดยมี 105 โครงการ ที่กำลังดำเนินการอยู่

ทั้งนี้บริษัทขนาดใหญ่ของไทยที่ยังดำเนินธุรกิจในเมียนมา ได้แก่ PTT / PTTEP ในโครงการ Yadana gas field และ PTT(ปตท.) ยังมีร่วมลงทุนในธุรกิจค้าปลีก-น้ำมันผ่านบริษัท OR และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานอื่น ๆ ,Thai Beverage (ThaiBev) ยังคงดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในเมียนมา ผ่านการถือหุ้นใน Grand Royal Group (ผู้ผลิตวิสกี้รายใหญ่) และโรงผลิตเบียร์, Thai President Foods (Mama) มีโรงงานผลิตในเมืองมัณฑะเลย์

โอสถสภา แม้ว่าจะขายกิจการบางส่วน (เช่น Myanmar Golden Eagle และ Golden Glass) แต่ยังมีโรงงานผลิตเครื่องดื่มในเมียนมา และอมตะ คอร์ปอเรชั่น กำลังพัฒนาโครงการ “Yangon Amata Smart and Eco City” ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ลงทุนรวมประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงาน 600 MW ร่วมกับ PTT

ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากให้ประเมินผลกระทบจากการปิดด่านของเมียนมาในเวลานี้ ยังคงเร็วเกินไปที่จะประเมิน ต้องรอดูว่าจะปิดนานแค่ไหน ไทยยังมีเส้นทางอื่นที่สามารถส่งออกไปเมียนมาได้หรือไม่ โดยที่อาจต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ดาวโจนส์ปิดลบ 152.81 จุด นักลงทุนกังวลพาวเวลเข้มนโยบายการเงิน

13 นาทีที่แล้ว

ปิดมหากาพย์ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ตั้งงบแสนล้าน แจกไม่ได้สักสลึง

30 นาทีที่แล้ว

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ส.ค. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์

43 นาทีที่แล้ว

เอกชนห่วงความไม่แน่นอนการเมืองซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ-การลงทุน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

ปิดมหากาพย์ “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” ตั้งงบแสนล้าน แจกไม่ได้สักสลึง

ฐานเศรษฐกิจ

ลูกศิษย์สุดอาลัย หลวงพ่อบอน พระเมตตาธรรมแห่งพังงา ละสังขารกะทันหัน ขณะเตรียมบิณฑบาต

สยามนิวส์

จับตา! "ทักษิณ" ขึ้นศาลฯ ฟังคำพิพากษาคดี ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ

THE ROOM 44 CHANNEL

เทพศิรินทร์ถอดชื่อ "อลงกต" พ้น “Debsirin Hall of Fame” หลังเจ้าตัวเผยไม่เคยเรียนที่นี่

THE ROOM 44 CHANNEL

เอกชนห่วงความไม่แน่นอนการเมืองซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ-การลงทุน

ฐานเศรษฐกิจ

น้อมถวายความอาลัย เกจิดังสันกำแพงมรณภาพแล้ว พระผู้ที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เกื้อกูลต่องานคณะสงฆ์

สยามนิวส์

//กระบะพลิกคว่ำตกเหวลึก 10 เมตร หน้าด่านตรวจปางมะโอกู้ภัยเร่งช่วยคนเจ็บ

77kaoded

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2568 กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ

สวพ.FM91

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...