อิสราเอลเด็ดหัวโฆษกกลุ่มฮามาส กาซาร้อนเป็นไฟ โดนรุกล้ำไม่หยุด
เด็ดหัวโฆษกชื่อดังของฮามาส
กองทัพอิสราเอลได้ประกาศว่า ได้สังหารโฆษกของกลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงในฐานะแกนนำกลุ่มมาอย่างยาวนาน ในขณะที่คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลกำลังประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับการโจมตีที่กำลังขยายวงกว้างขึ้น ไปยังพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นหลายแห่งในฉนวนกาซา ด้านเจ้าหน้าที่อิสราเอลไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ในการประชุมดังกล่าวไม่มีแผนที่จะหารือเรื่องการเจรจาหยุดยิงแต่อย่างใด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล นายอิสราเอล แคตซ์ ได้ระบุตัวโฆษกฮามาส ชื่อว่า อาบู โอเบดา ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นตัวแทนของกองกำลังอัล-กัสซัมของกลุ่มฮามาส โดยเขาถูกสังหารเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อข้อกล่าวอ้างนี้
ทั้งนี้ แถลงการณ์สุดท้ายของอาบู โอเบดา ถูกเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่อิสราเอลเริ่มการโจมตีรอบใหม่และประกาศให้เมืองกาซาเป็นเขตสงคราม ในแถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า กลุ่มนักรบจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เตือนว่า พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่การสู้รบ และกล่าวว่าซากศพของตัวประกันที่เสียชีวิตอาจหายไปตลอดกาล
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า โฆษกฮามาสคนดังกล่าว ใช้ชื่อในสาธารณะว่า “ฮูดาไฮฟา คาห์ลูท” เขาเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปล่อยคลิปวิดีโอที่แสดงภาพตัวประกัน รวมถึงภาพเหตุการณ์การโจมตีที่นำโดยกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นชนวนเหตุของสงคราม นอกจากนี้ กองทัพยังได้กล่าวข่มขู่ถึงผู้นำฮามาสที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในต่างประเทศ
ตัวประกันที่เหลือคือหมากสำคัญ
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้สังหารผู้นำทางทหารและผู้นำทางการเมืองของฮามาสไปหลายรายแล้ว โดยอ้างว่าเป็นปฏิบัติการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุโจมตีเช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้นกลุ่มฮามาสได้ลักพาตัวผู้คนไป 251 คน และสังหารพลเรือนไปประมาณ 1,200 คน
ปัจจุบัน มีตัวประกันเหลืออยู่ในฉนวนกาซาน้อยกว่า 50 คน และอิสราเอลเชื่อว่า มีประมาณ 20 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ครอบครัวของตัวประกันได้ออกมาประท้วงนอกสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรีความมั่นคง แสดงความไม่พอใจที่การประชุมไม่ได้หารือเรื่องการหยุดยิง
ด้านนางอีนาฟ ซันเกาเคอร์ มารดาของหนึ่งในตัวประกัน ได้ออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อหวังว่ากองทัพอิสราเอลจะช่วย นายมาตัน ซันเกาเคอร์ บุตรชายของเธอคืนมาจากกลุ่มฮามาสได้ เธอพิพาทรัฐบาลอิสราเอลรุนแรง ระบุว่า ฝ่ายอิสราเอลนี่แหละที่ไม่เต็มใจที่จะลงนามในข้อตกลงหยุดยิง และไม่เต็มใจที่จะยุติสงคราม รัฐบาลกำลังตัดสินใจที่จะสังเวยลูกของเธอในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่
รุกล้ำพื้นที่ สังหารชาวปาเลสไตน์
อัลจาซีรารายงานว่า กองทัพอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 78 ราย รวมถึงผู้แสวงหาความช่วยเหลือ 32 รายและนักข่าว 1 ราย ทั่วฉนวนกาซาภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่กองทัพยกระดับการโจมตีเมืองกาซาและปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือส่วนใหญ่ไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนอาหาร
สำนักงานสื่อมวลชนของรัฐบาลรายงานว่า นักข่าวชาวมุสลิม มูฮาเร็บ อาเบด ถูกสังหารในการโจมตีเมืองกาซาของอิสราเอล ซึ่งอาเบดทำงานให้กับช่องดาวเทียมอัลกุดส์ อัลยูม จีเอ็มโอ ส่งผลให้จำนวนเจ้าหน้าที่สื่อมวลชนที่เสียชีวิตจากสงครามของอิสราเอลเพิ่มขึ้นเป็น 247 ราย
สำนักข่าวสังกัดดังกล่าวได้ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการลอบสังหารนักข่าวชาวปาเลสไตน์อย่างเป็นระบบ โดยระบุว่า “เราขอเรียกร้องให้สหพันธ์นักข่าวสากล สหภาพนักข่าวอาหรับ และองค์กรนักข่าวทุกแห่งในทุกประเทศทั่วโลกประณามอาชญากรรมเชิงระบบเหล่านี้ต่อนักข่าวชาวปาเลสไตน์และผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อในฉนวนกาซา”
ขณะที่อิสราเอลพยายามอพยพผู้อยู่อาศัยในเมืองกาซาประมาณหนึ่งล้านคนไปยังพื้นที่ที่เรียกว่าเขตอพยพในพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา สำนักงานบรรเทาทุกข์และงานเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์แห่งสหประชาชาติ (UNRWA) ได้ออกมาเตือนว่า ชาวเมืองกาซาไม่สามารถเดินทางไปยังฉนวนกาซาตอนใต้ได้ เพราะไม่มีพื้นที่ว่างให้หลบภัยเลย
ในฝั่งของสหรัฐฯ ได้สั่งระงับวีซ่าเยี่ยมเยียนสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางปาเลสไตน์ โดยมาตรการใหม่นี้จะห้ามชาวปาเลสไตน์เข้าประเทศอย่างน้อยเป็นการชั่วคราว จากการขอวีซ่าเพื่อการรักษาพยาบาล การเรียนในมหาวิทยาลัย การเยี่ยมเพื่อนหรือญาติ และเพื่อธุรกิจ ข้อกำหนดนี้ใช้กับผู้ที่ถือหนังสือเดินทางปาเลสไตน์ ซึ่งออกโดยองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) แต่ไม่รวมชาวปาเลสไตน์ที่มีสองสัญชาติ หรือผู้ที่ได้รับวีซ่าแล้ว