โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

KKP หั่นเป้า GDP ปีนี้เหลือ 1.6% เซ่นยอดนักท่องเที่ยววูบ-การเมืองกดดัน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (30 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี จำกัด (มหาชน) หรือ KKP โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 68 เหลือ 1.6% จาก 1.7% และปี 69 เหลือ 1.5% โดยประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจโลกตามสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีขึ้นมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศยังคงเผชิญแรงกดดันหลายด้านทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างระยะยาว

อีกทั้ง ปัจจัยลบในปี 68 ที่สำคัญ คือ การชะลอตัวของ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีโอกาสกลับมาชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปี การบริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแอตามสินเชื่อที่หดตัว ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมืองที่รุนแรงขึ้น

รวมไปถึงประเมินเศรษฐกิจไทยยังเผชิญแรงกดดันด้านลบที่สำคัญที่จะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงหลังจากนี้ คือ

1.) ทิศทางการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน โดยในช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนหดตัวลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียงประมาณ 30-40% ของระดับก่อนโควิด-19 เป็นผลจากความกังวลด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนหลังเกิดกรณีลักพาตัว และการเข้ามาของคู่แข่งใหม่ๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเทียบเทียบกับเงินหยวนส่งผลให้การมาเที่ยวไทยแพงกว่าที่อื่นๆ โดยเปรียบเทียบ KKP ประเมินนักท่องเที่ยวทั้งปีที่ 33.6 ล้านคน หดตัวลงจากปีก่อนเป็นครั้งแรกตั้งแต่หลังโควิด-19

2.) การเร่งตัวของการส่งออกที่มากผิดปกติก่อนการขึ้นภาษีในช่วงต้นปี ส่งผลต่อการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของการส่งออกที่ผ่านมา ไม่ส่งผลบวกมากนักต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทย และมีโอกาสสูงที่ครึ่งหลังของปีจะเห็นการชะลอตัวลง โดยเกิดจาก

การส่งออกบางส่วนใช้สินค้าคงคลังที่เหลืออยู่เพื่อการส่งออกแต่ไม่ได้มีการผลิตใหม่เพิ่มเติม, การส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าจากประเทศอื่นเพื่อส่งออกต่อไปยังสหรัฐฯ แต่ไม่มีผลมากต่อการผลิตในประเทศ KKP ประเมินว่า ภาคอุตสาหกรรมน่าจะปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น แต่อาจจะกลับมาชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี

3.) การบริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวตามการชะลอตัวของสินเชื่อ สินเชื่อในระบบการเงินยังคงหดตัวต่อเนื่อง ทั้งในภาคธุรกิจขนาดใหญ่ SME และครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเช่าซื้อและอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงและระดับหนี้เสียที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นชัดเจน การบริโภคในประเทศมีแนวโน้มชะลอตัว

โดยยังมองเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังยังท้าทา มีโอกาสเข้าสู่ Technical Recession จากหลายปัจจัยลบที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังของปี 68 ไทยกำลังจะต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศพร้อม ๆ กัน ซึ่งอาจทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเชิงเทคนิคได้

โดยปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาจะทยอยหมดไป คือ แรงส่งจากฐานต่ำของการลงทุนภาครัฐในปีก่อน, การเร่งการส่งออกที่สูงผิดปกติในช่วงต้นปีก่อนการขึ้นภาษี และ การท่องเที่ยวที่จะทยอยชะลอตัวลงโดยจำนวนนักท่องเที่ยวอาจเริ่มติดลบในช่วงครึ่งหลัง ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศเดิมของไทยที่อ่อนแออยู่ก่อนแล้ว

ขณะที่ สถานการณ์ปัจจุบันมีความไม่แน่นอนสูงมากทำให้การประเมินเศรษฐกิจทำได้ยากมากขึ้น KKP ประเมินว่า ทิศทางของเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งหลัง และยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 3 เรื่องที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยโตได้ต่ำกว่าที่ประเมินไว้

1.) ความไม่แน่นอนทางการเมืองและข้อจำกัดของภาครัฐ ความเปราะบางทางการเมืองทวีความรุนแรงขึ้นหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ มีความเสี่ยงที่การพิจารณา ร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 อาจจะล่าช้าหรือไม่สามารถผ่านได้ โดยในอดีตการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าตัวเป็นฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้มากถึง 1.0-1.5% ต่อไตรมาส หรือประมาณ 0.3-0.5% ต่อการเติบโตของ GDP ทั้งปี

2.) สงครามการค้า และการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ฯ การเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูงโดยอัตราภาษีแรกที่ไทยถูกเรียกเก็บจากสหรัฐ ฯ คือ 36% ก่อนจะมีการลดลงชั่วคราวมาที่ระดับ 10% KKP ประเมินว่า ในกรณีของการเก็บภาษีกลับไปที่ 36% จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจทั้งปีประมาณ 0.8 ppt เทียบกับกรณีที่ไม่มีการเก็บภาษีเลย

3.) สงครามระหว่างอิหร่าน อิสราเอลและผลต่อราคาน้ำมัน ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลางทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงต่อเนื่องอาจผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะที่คล้าย "stagflation" หรือภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวควบคู่กับการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยไทยมีดุลการค้าพลังงานขาดดุลในระดับประมาณ 8% ของ GDP สูงที่สุดในภูมิภาค ซึ่งหมายความว่าหากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 10% ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยอาจลดลงราว 0.5% ของ GDP และ GDP ของไทยลดลงราว 0.3%

ในสภาวะที่นโยบายการคลังมีข้อจำกัดจากระดับหนี้สาธารณะเข้าใกล้เพดานหนี้ที่ 70% ต่อ GDP ขาดดุลการคลังที่อยู่ในระดับสูง และภาวะการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น KKP Research เชื่อว่านโยบายการเงินจะต้องมีบทบาทมากขึ้นในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้ง หรืออีก 0.75% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสุดท้ายลดลงเหลือ 1.0% จาก 1.25% ภายในไตรมาสแรกของปี 69 และอาจต้องพิจารณาทางเลือกเชิงนโยบายในการแก้ไขข้อจำกัดของการส่งผ่านของนโยบายการเงิน โดยเฉพาะช่องทางสินเชื่อของธนาคาร

ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 68 เผชิญกับแรงกดดันจากหลายด้านและยังมีความไม่แน่นอนสูงที่อาจทำให้เศรษฐกิจโตได้ต่ำกว่าคาด การรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงนี้จะต้องใช้การประสานนโยบายอย่างรอบด้าน ระหว่างนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย นโยบายการคลังที่แม่นยำ และการปฏิรูปเชิงโครงสร้างเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ข่าวหุ้นธุรกิจ

“พิชัย” คัด 2 แคนดิเดตชิงผู้ว่า “ธปท.” เตรียมชง “ครม.” ต้นเดือน ก.ค.นี้

35 นาทีที่แล้ว

“มงคล” ปรับพอร์ตลดถือ “KTC-XPG-TPS” หลังเทขายครั้งใหญ่ 842 ล้านหุ้น

45 นาทีที่แล้ว

กสทช. เคาะ 8 มาตรการตาม พ.ร.ก.ไซเบอร์ สกัดอาชญากรรมออนไลน์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

TIDLOR ปรับทัพผู้บริหาร ตั้ง “ชลธิชา ทองไทย” นั่ง CFO มีผลพรุ่งนี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ทล.365 สายทางเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทราด้านเหนือเสร็จสมบูรณ์ เสริมศักยภาพการคมนาคมภาคตะวันออก

สยามรัฐ

RBF รับประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรอง “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร”

สยามรัฐ

LINE ประเทศไทย แต่งตั้ง “นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร” นั่ง CEO คนใหม่ พร้อม “พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา” ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร LINE Plus และ LINE ประเทศไทย

สยามรัฐ

กทพ. แจ้งปิดช่องทางเข้าทางหลัก บนถนนพระราม 2 (ฝั่งขาเข้า) บริเวณหน้าตลาดกรีนเดย์ไนท์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

สยามรัฐ

AOC 1441 เตือนภัย “มิจฉาชีพ” อ้างเป็น “จนท.เอไอเอส-ตำรวจ” ขู่เอี่ยวคดีฟอกเงิน หลอกโอนเงินตรวจสอบบัญชี พบสูญเงินเกือบ 22 ล.

สยามรัฐ

“พิชัย” คัด 2 แคนดิเดตชิงผู้ว่า “ธปท.” เตรียมชง “ครม.” ต้นเดือน ก.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“มงคล” ปรับพอร์ตลดถือ “KTC-XPG-TPS” หลังเทขายครั้งใหญ่ 842 ล้านหุ้น

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ธอส. ร่วมมอบวุฒิบัตรให้แก่ครูและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานด้านการจัดการคุณภาพน้ำบริโภคยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่โครงการพระราชดำริ

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

“ศบ.ทก.” ย้ำไทยไม่ปิดด่าน เน้นตรวจสอบเข้า-ออกเข้มขึ้น ยึดหลักสันติวิธี

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“วันนอร์” เคลียร์ชัด! หาก “นายก” ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยื่นซักฟอกไม่ได้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“ทรัมป์” ไม่ถอย สั่งเก็บภาษี “รถยนต์ญี่ปุ่น” อ้างขาดดุลการค้า

ข่าวหุ้นธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...