กองทัพภาคที่ 2 แถลงชัด! ปมการสู้รบ หลังถูกโจมตีต้องตอบโต้
ณ วันที่ 25 ก.ค.2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยระบุว่าเหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงและโจมตีพื้นที่พลเรือนของไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินในหลายพื้นที่
เมื่อเวลา 08.20 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบโต้ทันที โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะรุนแรง ตรงข้ามปราสาทโดนตวล มีรายงานรถถังของฝ่ายกัมพูชาถูกทำลาย 2 คัน
อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ: ฝ่ายกัมพูชาใช้จรวด BM.21 ยิงเข้าใส่บริเวณปั๊มน้ำมัน และพื้นที่เขาพระวิหาร โดยมีการปะทะตั้งแต่ วัดแก้วฯ ไปจนถึง ภูมะเขือ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังอยู่ในที่ตั้ง
ช่องจอม, อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์: ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ทั้งวิทยาลัยการอาชีพ อำเภอสังขะ, ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา และบ้านเรือนประชาชนไทย
ปราสาทตาเมือนธม: หลังจากมีการประกาศปิดการท่องเที่ยว ฝ่ายกัมพูชาได้ส่งกำลังเข้าโจมตีฝ่ายไทยตั้งแต่ช่วงเช้า และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเข้าใส่ที่ตั้งพลเรือนอย่างต่อเนื่อง โดยสถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีการอพยพประชาชนใน 8 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์, อำเภอพนมดงรัก, อำเภอกาบเชิง, อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์, อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ, อำเภอน้ำขุ่น, อำเภอน้ำยืน และอำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดเตรียมไว้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดรถครัวสนามเพื่อประกอบอาหารสนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากกระสุนตก 11 แห่ง ได้แก่:
-บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ (กระสุนปืนใหญ่ 10 นัด)
-บ้านผือ ตำบลหนองหญ้าลาด อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ (กระสุน BM21 ตกบริเวณ ปตท.บ้านผือ และ ตชด.224)
-ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ)
-บ้านขี้เหล็ก ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ 5 นัด)
-บ้านสายโท 10 ใต้ หมู่ 2 ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 10 นัด)
-บ้านกรวด หมู่ 3 และ หมู่ 5 ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 7 นัด)
-บ้านสายโท 12 ใต้ หมู่ 16 ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 3 นัด)
-บ้านโคกกระชาย ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ 3 นัด)
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน และผู้เสียชีวิต 12 คน
โดยศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้ประณามการกระทำของกัมพูชาที่โจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย และเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าวตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ที่ระบุให้โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น (Military Objective)
แถลงการณ์ระบุว่า ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใดๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้ จากสถานการณ์ชายแดนยังคงตึงเครียด และกองทัพไทยยังคงเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก : กองทัพภาคที่ 2
เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์