สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 1 ส.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.น่าน (56 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.นครพนม (15 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (6 มม.) ภาคกลาง : จ.ปทุมธานี (25 มม.) ภาคตะวันออก : จ.นครนายก (24 มม.) ภาคใต้ : จ.กระบี่ (72 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ประเทศไทยมีฝนน้อยแต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 2–4 ส.ค. 68 ประเทศไทยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่วนในช่วงวันที่ 5–6 ส.ค.จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ตลอดช่วง
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 64% ของความจุเก็บกัก (51,543 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 47% (27,425 ล้าน ลบ.ม.)
3. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (31 ก.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม และพบปประชาชน ในพื้นที่ จ.สุโขทัย โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และรับฟังปัญหาจากประชาชน รวมทั้งหารือเพื่อร่วมวางแผนเชิงรุกสำหรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่านให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวชื่นชมทุกจังหวัดและหน่วยงานได้มีการเตรียมการรับมือล่วงหน้าเป็นอย่างดี เช่น การดำเนินการตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 การตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า(ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม - น่าน การดำเนินการซักซ้อมและแผนเผชิญเหตุในระดับต่างๆ รวมถึงการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ส.ค.–ต.ค. 68 คาดการณ์ว่าปริมาณฝนในหลายพื้นที่อาจสูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งมีโอกาสส่งผลให้พื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างจะเกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินถล่มได้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกัน และเร่งดำเนินการมาตรการเชิงรุก เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยได้มอบหมายหน่วยงาน ดังนี้
1. สทนช. ร่วมกับ กรมชลประทาน (ชป.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บูรณาการการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ฯ โดยให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด และเก็บเป็นน้ำสำรองให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรในฤดูแล้ง
2. ให้ ชป. เร่งระบายน้ำเพื่อลดระดับน้ำจากแม่น้ำยมไปสู่แม่น้ำน่าน พร้อมทั้งเสริมคันป้องกันน้ำชั่วคราวในจุดที่มีความเปราะบาง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง พร้อมบูรณาการกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมทรัพยากรน้ำ (ทน.) ในการจัดสรรเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอต่อความจำเป็น
3. ให้ ชป. ร่วมกับ จ.อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และสุโขทัย เตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บางระกำโมเดล สำหรับใช้รับน้ำหลากในช่วงกลางเดือน ส.ค. ถึงปลายเดือน ต.ค. 68
4. ให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ข้อมูลแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
5. ให้ ปภ. ร่วมกับจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน จัดทำแผนเผชิญเหตุ เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือ และระบบการช่วยเหลือฉุกเฉิน ให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
6. ในกรณีที่ต้องมีการอพยพ ให้มีการจัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมทั้งจัดเตรียมสาธารณูปโภค อาหารและหน่วยแพทย์ ให้พร้อมในการดูแลผู้ประสบภัย
7. ให้จังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและลุ่มน้ำน่าน กรมประชาสัมพันธ์ และ ปภ. ใช้ระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ควบคู่กับช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 31 ก.ค. 68