โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หมดยุคทอง! การค้าปลีก-ส่งไทย ปิดตำนานความรุ่งเรือง

ThaiFranchiseCenter

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

ย้อนหลังไปสมัยก่อนชื่อของสำเพ็งและประตูน้ำคือ แหล่งรวมสินค้าที่ใครอยากได้อะไรก็ไปได้เลย ของเยอะ ของถูก เปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางตลาดค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่มีสินค้าแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเขียน ของเล่น กิ๊ฟช็อป หรือแม้แต่เสื้อผ้า

สมัยนั้นย่านสำเพ็งผู้คนหนาแน่น เดินเบียดเสียดทั้งคนไทยและต่างชาติ เช่นเดียวกับประตูน้ำที่คับคั่งไปด้วยผู้คน พ่อค้าแม่ค้าขายดีกันตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะประตูน้ำในอดีตนี่ถือว่าเป็นศูนย์รวมธุรกิจเสื้อผ้า garment เพื่อส่งออกใหญ่สุดของไทยทำรายได้เข้าประเทศแต่ละปีสูงมาก

แต่ภาพที่ปรากฏในวันนี้ทั้งสำเพ็งและประตูน้ำ แตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง ถึงขนาดที่พูดกันว่าเป็นความเงียบเหงาและซบเซามากสุดในรอบ 50 ปี ถ้าดูข้อมูลจากพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าลูกค้ามาเดินซื้อสินค้าน้อยมาก เสาร์-อาทิตย์ หรือวันปกติก็ไม่ต่างกัน

จะมีลูกค้าเพิ่มมาบ้างก็เฉพาะช่วงวันที่มีวันหยุดยาว ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเดิมที่มาแบบเจาะจงซื้อ ลูกค้าขาจรนาน ๆ มาที ร้านที่เปิดถือว่าพออยู่ได้ หลัก ๆ มาจากลูกค้าเก่าที่ซื้อไปขายต่อ

สินค้าที่ยังขายได้หลัก ๆ ยังเป็นเสื้อยืด และ พวกยูนิฟอร์ม แต่ที่ตกลงไปมาก คือ กลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่น เนื่องจากเป็นสินค้าที่คนส่วนใหญ่มองว่า “ไม่จำเป็น”

ในด้านตัวเลขรายได้ของพ่อค้าแม่ค้าในสำเพ็ง ประมาณการว่ายอดขายหายไปกว่า 70% แถมบางวันยังขายไม่ได้สักบาท ต่างจากสมัยก่อนมากที่ไม่ถึงชั่วโมงก็ขายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 – 10,000 และบางร้านยอดขายก็ตกจากหลักแสนมาเหลือแค่หลักพัน

ใครที่สายป่านยาวหน่อยก็พอทนอยู่ได้นาน ส่วนใครที่สายป่านสั้น หาเงินมาหมุนไม่ทันก็ต้องแยกย้าย เลิกกิจการไป ทุกวันนี้ก็มีร้านค้าเริ่มหายไปมากกว่า 30 -40% และน่าจะมีทยอยปิดตัวอีกเรื่อยๆ

ถ้าวิเคราะห์ไปถึงเหตุผลหลักๆ ว่าอะไรที่ทำให้ทั้งสำเพ็งและประตูน้ำ ก้าวมาถึงจุดนี้ พบว่า

ช่องทางการจำหน่าย (Channel)

ต้องยอมรับว่าการซื้อของออนไลน์เข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้ามาก คนส่วนใหญ่จึงเน้นสะดวก ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาที่จอดรถ ทำให้สำเพ็งไม่ตอบโจทย์เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็เข้าใจดีและปรับตัวให้สอดคล้องเราจึงเห็นบางร้านตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมาเมื่อมีสินค้าใหม่ก็จะโพสต์ลงในกลุ่ม หากใครสนใจก็ไลน์สั่งซื้อมา และจัดแพ็กส่งไปให้ จะหวังกับยอดขายหน้าร้าน หรือรอให้คนเดินมาซื้อไม่ได้ เพราะวัน ๆ แทบไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย

พฤติกรรมผู้ซื้อ (Consumer Behaviors)

ตอนนี้เวลาคนอยากได้อะไรจะเข้า Google หาข้อมูล หาร้านที่ถูกใจ มีของ ราคาโอเค ดูน่าเชื่อถือ ก็ติดต่อกับผู้ขายได้ทันที จึงเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมลูกค้าในย่านสำเพ็งถึงได้ลดลงมาก

คู่แข่ง (โดยเฉพาะทุนจีน)

เป็นเรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่ามีผลมากๆ เช่นย่านประตูน้ำกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่จากเจ้อเจียงนำเสื้อผ้ามาขายเอง และก็มีอีกหลายกลุ่มบริษัทที่สั่งผลิตจากโรงงานโดยตรง มาขายในย่านประตูน้ำ ในราคาที่ถูกกว่าร้านเดิมที่มีอยู่

พ่อค้าแม่ค้าคนไทยก็สู้ไม่ได้ หรือย่านสำเพ็งเคยเป็นย่านค้าส่งเสื้อผ้าและสินค้าเบ็ดเตล็ด ของพ่อค้าแม่ค้าคนไทยปัจจุบันมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าคนจีนเข้ามาครองพื้นที่เพื่อค้าขายมากขึ้น

ซึ่งพวกนี้สามารถเจรจากับโรงงานผู้ผลิตในประเทศจีนได้โดยตรง เพื่อนำสินค้าเข้ามาขาย ในราคาที่ถูกกว่า เกิดเป็น Economies of Scale คือต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำมาก ในการสั่งซื้อแต่ละล็อต

ต้นทุนค่าเช่า

สัมพันธ์กับทุนจีนเช่นกัน เพราะคนจีนที่เข้ามาค้าขายมักเสนอค่าเช่าที่สูงกว่าคนไทย 5-10 เท่า ยกตัวอย่างย่านสำเพ็งค่าเช่าก่อนเกิดโควิดระบาดประมาณ 15,000 บาท/เดือน ก็ปรับเพิ่มเป็น 30,000 – 40,000 บาท

หรือโซนอาคารพาณิชย์ จาก 70,000-100,000 บาทต่อเดือน ก็กลายเป็น 100,000-500,000 บาท เมื่อมีต้นทุนค่าเช่าที่สูงขึ้นแต่รายได้ได้สูงตามก็ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ไปต่อไม่ได้

กำลังซื้อของคนลดลง

เป็นผลพวงจากเรื่องเศรษฐกิจที่รายได้ของคนส่วนใหญ่ไม่ได้เพิ่มสวนทางกับรายจ่ายที่มากขึ้น แม้แต่ต้นทุนการผลิต ต้นทุนวัตถุดิบ ก็เพิ่มราคาสินค้าก็จำเป็นต้องปรับตาม คนก็ไม่มีกำลังซื้อ

แม้ว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่จะพยายามแก้ปัญหาในทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นยอดขายไม่ว่าจะจัดโปรโมชัน ลดแลกแจกแถม ทำการตลาดผ่านโซเชี่ยล แต่จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกันก็ทำให้ยอดขายไม่ได้เพิ่มตามหลายๆ ร้านก็จำใจต้องปิดตัวและเลือกไปหารายได้จากธุรกิจอื่น

จากทุกเหตุผลที่ได้นำเสนอมาก็ล้วนแต่สนับสนุนว่าทำไมยุคทองของค้าปลีกและขายส่งในเมืองไทย จึงมาถึงจุดจบ แม้ว่าย่านสำเพ็งหรือประตูน้ำในทุกวันนี้จะไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิง แต่ภาพจำในอดีตกับตอนนี้ก็แตกต่างกันมาก ไม่เฟื่องฟูและไม่สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการได้เหมือนแต่ก่อน

------------------------------------------------------

รวมแฟรนไชส์ไทย >660 แบรนด์ - www.ThaiFranchiseCenter.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ThaiFranchiseCenter

วิดีโอ

ฟองสบู่ร้านอาหารแตก! เกิดอะไรขึ้น #ประเทศไทย [ThaiFranchise Today]

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แฟรนไชส์โดนัทอเมริกา Duck Donuts บุกไทย แป้งโดนัทเค้กเจ้าแรกในไทย

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนมิถุนายน 2568

สยามรัฐ

‘เอกนัฏ’ ส่ง “มอก.วอทช์” AI สแกนสินค้าไม่ได้มาตรฐาน พร้อมโปรเดือด 7.7 จ่อฟันแพลตฟอร์มออนไลน์ 777 คดี

THE STATES TIMES

LH Bank เดินหน้ารุกตลาดลูกค้าไต้หวันและลูกค้าต่างชาติ ออกโปรโมชันพิเศษโอนเงินไปต่างประเทศฟรีค่าธรรมเนียม

สยามรัฐ

LH Bank รุกตลาดลูกค้าไต้หวัน-ต่างชาติ ออกโปรโมชันโอนเงินไปตปท.ฟรีค่าธรรมเนียม

ทันหุ้น

M-150 จับมือ Guss Damn Good เสิร์ฟซอร์เบต์สุดจี๊ด ต่อยอดพลังแบรนด์สู่ประสบการณ์ใหม่แบบไม่มีลิมิต

สยามรัฐ

CPF เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A” พร้อมให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบันจองซื้อได้ก่อน

Wealthy Thai

TCM Corporation ฉลองความสำเร็จรีไซเคิลครบ 1 พันล้านขวด กับแคมเปญ “Beyond One Billion” ตอกย้ำพันธกิจสู่โลกที่ยั่งยืน

Wealthy Thai

M-150 จับมือ Guss Damn Good เสิร์ฟซอร์เบต์สุดจี๊ด ต่อยอดพลังแบรนด์สู่ประสบการณ์ใหม่แบบไม่มีลิมิต

Wealthy Thai

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...