CPF เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A” พร้อมให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบันจองซื้อได้ก่อน
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (“CPF”) เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [2.70 – 3.00]% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 10ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.10 – 3.40]% ต่อปี โดยคาดว่าจะแบ่งการจองซื้อหุ้นกู้เป็น 3 ช่วง ได้แก่
ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ [25 และ 29 กรกฎาคม] 2568 ให้สิทธิบุคคลธรรมดาจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นกู้รุ่น “CPF257A”
ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ [30 – 31 กรกฎาคม] 2568 ให้สิทธิบุคคลธรรมดาจองซื้อสำหรับผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบันของ CPF ทุกรุ่น และ
ช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ [5 – 7 สิงหาคม] 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป
ทั้งนี้ รายละเอียดอัตราดอกเบี้ยและวันจองซื้อที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
หุ้นกู้ชุดใหม่ทั้ง 2 รุ่นเสนอขายผ่าน 9 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) รวมถึงแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 สะท้อนความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของ CPF ในฐานะผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารระดับโลก ด้วยฐานการผลิตที่กระจายตัวในหลายประเทศ และความหลากหลายในสินค้าและตลาด
ทางด้านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้ความเห็นว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง หุ้นกู้ CPF ที่เสนอขายในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจทั้งผู้ถือหุ้นกู้ปัจจุบันที่สามารถจองซื้อหุ้นกู้ได้ก่อน และผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ของกิจการที่มีความมั่นคง มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่ง มีความน่าเชื่อถือ และดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเลี้ยงสัตว์ การแปรรูปเนื้อสัตว์ การผลิตอาหารสำเร็จรูป ไปจนถึง ธุรกิจร้านอาหาร และด้วยอุตสาหกรรมอาหารที่ยังถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำหรับผู้บริโภคในทุกสภาวะเศรษฐกิจ หุ้นกู้ CPF จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงได้เป็นอย่างดีและได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
CPF เป็นผู้ผลิตด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร โดยมีฐานการผลิตใน 17 ประเทศทั่วโลก และเครือข่ายการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารไปยังกว่า 50 ประเทศ ครอบคลุม 5 ทวีปทั่วโลก สามารถแบ่งธุรกิจหลักได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) 2) ธุรกิจเลี้ยงสัตว์และแปรรูป (Farm and Processing) และ 3) ธุรกิจอาหาร (Food) ภายใต้วิสัยทัศน์สู่การเป็น “ครัวของโลก” โดยบริษัทมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการพัฒนาระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการ ผ่านการตลาดที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” หรือ Sustainovation พร้อมตั้งเป้าหมายสู่การเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050)
ในไตรมาส 1 ปี 2568 CPF มีรายได้จากการขายจำนวน 144,175 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของกิจการต่างประเทศร้อยละ 62 และกิจการในประเทศไทยร้อยละ 38 และมีกำไรสุทธิจำนวน 8,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และความเคร่งครัดของระบบป้องกันโรคในฟาร์มที่เข้มงวด ประกอบกับระดับราคาสุกรในหลายประเทศมีการปรับตัวขึ้นจากผลกระทบของโรคระบาดทำให้จำนวนเนื้อสัตว์ในตลาดมีน้อยกว่าปกติ ตลอดจนราคาวัตถุดิบอยู่ในฐานที่ยังไม่สูงเกินไป จึงมีผลทำให้เกิดผลการดำเนินงานดีกว่าที่บริษัทคาดไว้
นอกจากนี้ CPF ยังได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนระดับโลก อาทิ FTSE4Good Index Series, MSCI ESG Ratings และ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ซึ่งล้วนเป็นดัชนีที่สะท้อนถึงมาตรฐานการดำเนินธุรกิจตามแนวทางสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ได้อย่างโดดเด่น โดย CPF ได้ตั้งเป้าหมายชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ โดยผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.thหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 9 แห่ง ได้แก่
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Bangkok Bank Mobile Banking
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02–111–1111 หรือจองซื้อออนไลน์บนแอปพลิเคชัน Krungthai Next ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai สำหรับผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดา
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02–888–8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest(ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับการจอง การจัดจำหน่าย และการจัดสรรหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02–626–7777 หรือจองซื้อผ่าน Mobile Application – CIMB Thai
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02–695–5555
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02–009–8351–56
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02–680–4004
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร.0-2658-5050
หรือผู้สนใจสามารถจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ได้อีกทาง โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ พร้อมภาพตัวอย่างประกอบโดยสังเขปได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.comหรือติดต่อขอคำแนะนำเรื่องขั้นตอน และวิธีการสมัครจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6