เจาะลึก "เวียดนาม" ทุ่มหมื่นล้านสร้าง "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ดัน "กว๋างนิญ" เทียบชั้น "มาเก๊า-ลาสเวกัส"
เขตเศรษฐกิจเวินโด่น (Van Don Economic Zone) จังหวัดกว๋างนิญ ทางตอนเหนือของเวียดนาม เตรียมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและกาสิโนระดับโลก ด้วยการพัฒนาโครงการ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ครบวงจรแห่งแรกของประเทศ มูลค่าลงทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 65,000 ล้านบาท ซึ่งถูกจับตามองว่าจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญเทียบชั้น มาเก๊า และ ลาสเวกัส
ความพิเศษของโปรเจกต์นี้คือ การอนุญาตให้ ชาวเวียดนาม สามารถเข้าใช้บริการกาสิโนได้ ซึ่งต่างจากนโยบายเดิมที่เปิดให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นการปรับท่าทีสำคัญของรัฐบาล และสอดคล้องกับแนวโน้มชนชั้นกลางของเวียดนามที่กำลังเติบโต คาดว่าจะเพิ่มเป็นกว่า 25% ของประชากรภายในปี 2569
* กว๋างนิญ: เวียดนามย่อส่วน
จังหวัดกว๋างนิญถูกเรียกว่า “เวียดนามย่อส่วน” เพราะรวมภูมิประเทศทุกลักษณะไว้ ทั้งทะเล เกาะ ที่ราบลุ่ม แม่น้ำ ที่ราบสูง และภูเขา จึงเป็นพื้นที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และความมั่นคง อีกทั้งยังเชื่อมโยงเส้นทางเศรษฐกิจหลักทั้ง R5 ไฮฟอง–คุนหมิง และ R12 นครพนม–ฮานอย–หนานหนิง
* ซัน กรุ๊ป ผู้อยู่เบื้องหลัง
โครงการนี้ได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 โดยมอบหมายให้ Van Don Sun Joint Stock Company ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ซัน กรุ๊ป (Sun Group) ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เวียดนามลงทุนพัฒนา ก่อนหน้านี้ซัน กรุ๊ปเคยสร้างโครงการใหญ่ในกว๋างนิญ เช่น สนามบินนานาชาติเวินโด่น และ ท่าเรือสำราญนานาชาติฮาลอง
* องค์ประกอบของคอมเพล็กซ์
พื้นที่กว่า 244.45 เฮกตาร์ จะถูกพัฒนาเป็นระบบนิเวศการท่องเที่ยวครบวงจร ครอบคลุมกาสิโนระดับไฮเอนด์ โรงแรมหรู รีสอร์ต คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ ศูนย์ประชุม ศูนย์การค้า สวนสนุก สปา ศูนย์กีฬา และสถานบันเทิงเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าใช้เวลาก่อสร้างรวม 9 ปี
* เงื่อนไขการเข้ากาสิโน
กระทรวงการคลังเวียดนามกำหนดว่า ชาวเวียดนามที่ต้องการเข้ากาสิโนต้องซื้อบัตรราคา 2.5 ล้านดอง (ราว 3,000 บาท) สำหรับการใช้บริการ 24 ชั่วโมง หรือ 50 ล้านดอง (ราว 61,000 บาท) สำหรับบัตรรายเดือน
* เวียดนามเปิดรับกาสิโนมากขึ้น
แม้ในอดีตเวียดนามจำกัดการพนันไว้เฉพาะสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่เมื่อประเทศเพื่อนบ้านเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมกาสิโน เวียดนามจึงเริ่มเปิดกว้างขึ้น โดยเคยทดลองนำร่องที่ Corona Resort & Casino เกาะฟูก๊วก ในช่วงปี 2564–2567 แม้ผลประกอบการไม่โดดเด่น แต่ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของรัฐ
การเติบโตของชนชั้นกลางและความต้องการยกระดับสถานะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว-บันเทิงโลก ทำให้โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แห่งนี้ถูกจับตามองว่า จะเป็นหมุดหมายใหม่ของเวียดนามในเวทีเศรษฐกิจโลก