‘TCP’ เปิดโรดแมปสู่องค์กรยั่งยืน เจ้าตลาดเครื่องดื่มสู่ผู้นำนวัตกรรมสีเขียว
กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้บริหารแบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำของโลกอย่างกระทิงแดง และเครื่องดื่มในเครือ ได้จัดงานประชุมความยั่งยืนภายใต้หัวข้อ “Sustainable Growth: The Future of Growth” เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์และแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน
นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดเผยว่า ในปีนี้โลกได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้บริษัทต้องกลับมาทบทวนแนวทางการเติบโต โดยได้เพิ่มแนวคิดด้านเศรษฐกิจ (E) เข้าไปในวิสัยทัศน์ความยั่งยืน ซึ่งยืนยันว่าการเติบโตของธุรกิจต้องควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมทั้งชี้ว่าแนวคิด ESG ยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ แม้บางแห่งจะพูดถึงน้อยลงเนื่องจากปัจจัยทางการเมือง
ในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน TCP ได้วางแผนเชิงรุกในหลายมิติ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ โดยมีการผสาน AI เข้ามาใช้ในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทั้งในระดับพนักงานที่ใช้ AI ช่วยงานประจำวัน เช่น การเขียนอีเมล หรือการสรุปข้อมูล และในระดับองค์กรที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์ขนาดใหญ่เพื่อนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากหลายช่องทาง เพื่อให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีความแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ TCP ยังให้ความสำคัญกับการขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืน จากเดิมที่เน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรภายในองค์กร เช่น น้ำและคาร์บอน ปัจจุบันได้ขยายไปสู่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมภายนอก โดยมีโปรเจกต์นำร่องที่สำคัญคือการฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นป่าชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ โดยคาดหวังว่าจะสามารถสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้ และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคต
สำหรับแผนการลงทุนและทิศทางธุรกิจในอนาคต TCP มองว่าการ diversify พอร์ตโฟลิโอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยง โดยมีแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากประชากรในหลายประเทศยังคงเติบโตและมีเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นอกเหนือจากเครื่องดื่มชูกำลัง โดยเน้นไปที่กลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ หรือ Functional Drink เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
นายสราวุฒิ ยังยอมรับว่า ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในอนาคตคือการทำให้ธุรกิจเติบโตโดยไม่กระทบต่อความยั่งยืน รวมถึงการปรับตัวให้ทันกับกฎระเบียบและนโยบายใหม่ๆ ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังบังคับใช้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม TCP ยังคงยืนยันในวิสัยทัศน์สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality และ Net Zero ในปี 2050 โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนอย่างจริงจังมากกว่าการพึ่งพาการซื้อคาร์บอนเครดิตเพียงอย่างเดียว
ในภาพรวม TCP มองว่าความสำเร็จในธุรกิจวันนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับยอดขายหรือกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งภายในองค์กร และความสามารถในการปรับตัวเพื่อเติบโตไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว