โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

จับ 2 หนุ่มไทย ส่ง SMS ปลอมทั่วกทม. ตำรวจเจอเองกับตัว ขณะสะกดรอย ข้อความเข้าถี่ยิบ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

ตำรวจไซเบอร์แถลงผลปฏิบัติการ "OPERATION KHAO SAN" รวบ 2 หนุ่มไทยเครือข่ายจีนเทา รับจ้างขับรถซ่อนเครื่องส่ง SMS ปลอม ส่งข้อความหลอกประชาชนกดลิงก์ “คะแนนใกล้หมดอายุ รีบแลกของขวัญเลย” เลือกเป้าหมายตระเวนไปย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านทั่วกรุงเทพฯ เช่น แยกท่าพระ โรงพยาบาลศิริราช ถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช ซอยนานา ทองหล่อ ห้วยขวาง ดินแดง ปิ่นเกล้า ปากคลองตลาด เป็นต้น
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 สิงหาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 นายวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการงานองค์กรสัมพันธ์ AIS ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ "OPERATION KHAO SAN" รวบ 2 เครือข่ายจีนเทา รับจ้างขับรถซ่อนเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ตระเวนส่ง SMS แนบลิงก์ดูดเงินกลางกรุง

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค.68 ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการจับกุมนายนิรันดร์ อินสนธิ์ อายุ 20 ปี ชาวกรุงเทพฯ และนายกิตติวรา ซาภักดี อายุ 22 ปี ชาวกรุงเทพฯ เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากชาวจีนที่ขับรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ตระเวนส่งสัญญาณ SMS ปลอมแนบลิงก์ดูดเงิน เพื่อหลอกประชาชนที่หลงเชื่อให้สูญเสียทรัพย์สิน ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านบางพลัด กรุงเทพฯ โดยตำรวจทำการสืบสวนขยายผลต่อเนื่องยังพบว่ามีกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอีกในพื้นที่กรุงเทพฯ
ต่อมา พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3, พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง รอง ผกก.2 บก.สอท.3 พ.ต.ท.ณัฐพล เสียมไหม, พ.ต.ท.วินัย ชมพุฒ พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ พระศรี, พ.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ต.ชัยเมศร์ เนติวิมลศิลป์ สว.กก.2 บก.3, และ พ.ต.ท.ยศวรรธก์ วงษ์จันทร์ สว.กลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ บก.ตอท. จึงนำกำลังตำรวจไซเบอร์ ร่วมกับทีมวิศวกรจาก AIS กระจายกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ โดยกระจายกำลังค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุรอบพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะถนนเส้นหลักและย่านชุมชนขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น

ด้าน พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 กล่าวว่า กระทั่งช่วงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 14 ส.ค.68 ตำรวจพบรถเก๋ง ยี่ห้อ SUZUKI รุ่น ERTIGA GX สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขค 9604 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยขับอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 3 จึงสะกดรอยติดตาม ปรากฏว่ามีข้อความ SMS แนบลิงก์ดูดเงินเข้าสู่เว็บไซต์ปลอมส่งเข้าโทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายอย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับผ่านย่านชุมชนแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนหนาแน่น อาทิ ถนนสุขุมวิท เพลินจิต ราชประสงค์ ปทุมวัน พญาไท ราชเทวี ยมราช ถนนหลานหลวง เทเวศร์ และสามเสน โดยมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ สน.ชนะสงคราม

จึงแจ้งไปยัง พ.ต.ต.อ.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ ผกก.สน.ชนะสงคราม ขอกำลังสกัดจับเพื่อทำการตรวจสอบ โดยสามารถสกัดจับไว้ได้บริเวณลานจอดรถกองสลากเก่า ถนนราชดำเนิน จากการตรวจค้นพบชายนั่งอยู่ภายในรถ 2 ราย ทราบชื่อคือนายนพรัตน์ เวชกามา อายุ 25 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นคนขับ และนายมังกร ฟูกู อายุ 23 ปี ชาว จ.สระแก้ว นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับคนขับ ตรวจสอบภายในรถบนเบาะหลังและห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย พบกล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังทำงานอยู่และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station)

ก่อนประสานไปยังเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทีมวิศวกรรมจาก AIS ให้มาร่วมตรวจสอบพบว่าเป็นเครื่องจำลองสถานีฐาน (False base station) เป็นอุปกรณ์เครื่องวิทยุโทรคมนาคมที่ดัดแปลงการส่งสัญญาณในคลื่นความถี่ต่างๆ เข้าอุปกรณ์มือถือที่อยู่ได้ภายในรัศมี 3-5 กิโลเมตร ซึ่งเครื่องกำลังทำงานอยู่และมีการเชื่อมต่อกับเครื่องจ่ายไฟเคลื่อนที่ (Power Station) พร้อมอุปกรณ์กระจายสัญญาณที่ติดตั้งอยู่บนหลังคารถ โดยดัดแปลงเสาส่งสัญญาณเป็นรูปครีบฉลามเหมือนอุปกรณ์ตกแต่งรถทั่วไป เพื่ออำพรางไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย
เบื้องต้นสอบสวน นายนพรัตน์ให้การว่าเมื่อช่วงเดือน ก.พ.68 ได้รับการติดต่อจากชายชาวกัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเหล้าย่านถนนข้าวสาร แนะนำให้มาทำงานเป็นคนขับรถพาบอสชาวจีนและแฟนสาวเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ จึงรับทำงานขับรถ กระทั่งช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บอสชาวจีนคนดังกล่าวได้ติดต่อมาหาตนอีก โดยส่งพัสดุมาให้จากประเทศจีน อ้างว่าเป็นแบตเตอรี่สำรอง เมื่อพัสดุมาถึง พบว่าภายในกล่องมีแบตเตอรี่ เครื่องส่งสัญญาณ False Base Station, เราเตอร์ไวไฟ, เสาอากาศ จำนวน 1 ชุด พร้อมกับโอนเงินมาให้อีก 2,000 บาท เป็นค่าฝากเครื่อง และได้สอนวิธีติดตั้งและใช้งานผ่านแอปพลิเคชันส่ง SMS รวมทั้งสอนการติดตั้งอุปกรณ์ภายในรถยนต์ เพื่อให้ขับรถตระเวนส่งข้อความ SMS ในพื้นที่กรุงเทพฯ อาทิ “พอยท์ 10,880 ใกล้หมดแล้ว! แลกของรางวัลที่ https://lihi.cc/Bv09H” หรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบันธนาคารต่างๆ เฉลี่ยวันละ 5,000-10,000 ข้อความ

โดยตนได้ตัดสินใจร่วมทำงานในช่วงแรกได้ใช้รถเก๋งของแฟนสาวได้ค่าจ้างวันละ 3,300 บาท ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการเช่ารถเพื่อนำไปก่อเหตุ โดยบอสชาวจีนเป็นผู้จ่ายค่าเช่ารถ พร้อมให้ค่าตอบแทนวันละ 1,350 บาท โดยทำงานวันละ 2 ช่วงเวลา คือ 09.00-12.00 น. และ 18.00-01.00 น. นานกว่า 5 เดือน โดยขับรถตระเวนไปย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านทั่วกรุงเทพฯ เช่น แยกท่าพระ โรงพยาบาลศิริราช ถนนข้าวสาร ถนนเยาวราช ซอยนานา ทองหล่อ ห้วยขวาง ดินแดง ปิ่นเกล้า ปากคลองตลาด เป็นต้น
โดยตำรวจได้ดำเนินคดีในความผิดฐาน "ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498, ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม, ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 343, ร่วมกันกระทำโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1), ร่วมกันดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งข่าววิทยุคมนาคมที่มีได้มุ่งหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติหรือประชาชน ตามมาตรา 17 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติม, ร่วมกันกระทำความผิดฐาน อั้งยี่ ตาม ป.อาญา มาตรา 209"
โดยตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังบอสชาวจีนรายดังกล่าว อีกทั้งหาความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มผู้ก่อเหตุที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐานในการติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จับ 2 หนุ่มไทย ส่ง SMS ปลอมทั่วกทม. ตำรวจเจอเองกับตัว ขณะสะกดรอย ข้อความเข้าถี่ยิบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ไทยสร้างไทย จี้ “อิ๊งค์” ลาออก ชี้สอบตกแก้ ศก.-มั่นคง ทำงบฯ 69 ไม่ตอบโจทย์

41 นาทีที่แล้ว

กำนันป่อง ศิษย์พ่อคูณ รถพลิกคว่ำหลายตลบ รอดปาฏิหาริย์ ทองคำ-เงิน 1.5 ล้านอยู่ครบ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

แรงงานกัมพูชาเปิดใจ ถูกผลักดันกลับประเทศแต่ไร้งาน-รัฐบาลไม่ช่วย ต้องลอบเข้าไทยอีกครั้ง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“ทักษิณ” มอบเงิน 1 แสนบาท เยียวยาผู้เสียชีวิตชาวลาว ที่ จ.อุบลราชธานี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

รวบคาคอนโดฯ หนุ่ม 22 เอเย่นต์ขาย "พอตเค" พบมีหมายจับอีกคดี

Khaosod

รวบ “ราม บางนา” เอเย่นต์หัวบุหรี่ไฟฟ้าพอตเค รับขายให้กลุ่มวัยรุ่นย่านรังสิต

เดลินิวส์

ระอุเดือด! 10โจรใต้อาวุธครบมือ บุกโรงงานไฟฟ้าชีวมวล เผา 3 จุดป่วนนราฯ

เดลินิวส์
วิดีโอ

“เอกนัฏ” ส่ง “สุดซอย” บุกโกดังใหญ่กลางกรุง ยึด “เซลล์แบตเตอรี่ พาวเวอร์แบงค์ และอะแดปเตอร์“ ไม่มี มอก.

WeR NEWS

แต่งตั้ง พระอำนาจ มหาปัญโญ รักษาการเจ้าอาวาส วัดบางคลาน

Amarin TV

‘อดีตรองผบ.ตร.’ ถูกแจ้งจับบุกลักทรัพย์ ส่งวงจรปิดพิสูจน์ยังไร้ผล-หวั่นแทรกแซง

เดลินิวส์

‘บิ๊กต่าย’ นั่งหัวโต๊ะบอร์ดกลั่นกรอง 17 ส.ค.นี้ ขยับ ‘สำราญ-อิทธิพล’ ขึ้น รอง ผบ.ตร.

เดลินิวส์

"หลวงพ่ออลงกต" ให้ทีมกฎหมายเคลียร์ปมที่ดิน เตรียมแถลง 17 ส.ค.

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม

"ยามีน" สังเกตปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา คอลเซ็นเตอร์หาย รัฐบาลชี้แปลงร่างเป็น IO โจมตีไทย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ตร.รวบ 2 โจร คอลเซ็นเตอร์ ส่งลิงก์ปลอม หลอกดูดเงิน

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

เตือนจับตาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาอาจกลับมาหลังเหตุการณ์สงบ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...