มาริษ เผยไม่สนทุ่นระเบิดของเก่าหรือไม่ พร้อมประสานประชาคมโลก กดดันกัมพูชาร่วมเก็บกู้
วันนี้ (16 สิงหาคม) เวลา 11.50 น. ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา แบ่งเป็น 33 ประเทศ และ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ พูดคุยกับชาวบ้านซึ่งเป็นเกษตรกร 6 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิด
มาริษได้กล่าวแสดงความเสียใจกับชาวบ้านถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแล เพื่อไม่ให้ทุ่นระเบิดเป็นปัญหาอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น ทุ่นระเบิดเก่า หรือทุ่นระเบิดใหม่ ตนจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น และจะไม่ยอมให้มีผลกระทบกับประชาชน
ขณะที่ ทางคณะทูตได้เข้ามาร่วมพูดคุยสอบถามข้อมูลและสาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด ส่วนใหญ่เป็นผู้พิการขาขาดและต้องใส่ขาเทียม และยังพบว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ มาริษได้อธิบายเพิ่มเติมถึงปัญหาทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่มีปัญหามายาวนาน และหวังว่าทางกัมพูชาจะให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด
จากนั้น มาริษได้นำคณะทูตรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า วัตถุประสงค์ของการลงพื้นที่ครั้งนี้คือการสังเกตการณ์ และรับทราบข้อมูลจากผลกระทบของการมีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่อยู่ในฝั่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพในดินแดน รวมถึงการที่กัมพูชาละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ
มาริษกล่าวอีกว่า ตนเองขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ที่อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ วันนี้นำทูต เจ้าหน้าที่ จากสถานทูตมารับฟังการชี้แจง และเห็นหลักฐานในเชิงประจักษ์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกัมพูชากับประเทศไทย ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนเองพยายามเรียกร้องกับกัมพูชามาตลอดว่าเราต้องการเห็นความจริงใจ และร่วมมือกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด ตั้งแต่ในการประชุม GBC ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อยากให้มีการยอมรับจากทั้งสองประเทศ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ
มาริษยังกล่าวถึงช่วงที่ตนเองเดินทางไปประชุมลุ่มน้ำโขงล้านช้าง ที่ประเทศจีน ได้ยกตัวอย่างปัญหาเรื่องทุ่นระเบิด ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ และเกิดขึ้นแล้วถึง 5 ครั้ง ทางจีนก็เห็นด้วย และพร้อมให้ความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ที่ตนได้หารือทวิภาคีก็เห็นด้วย แต่ยังมีปัญหาคือกัมพูชายังไม่จริงใจที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด
มาริษระบุด้วยว่า แม้กัมพูชาจะยังไม่พร้อม แต่ไทยจะไม่ยอมแล้ว สิ่งที่กัมพูชาบอกว่าเป็นระเบิดเก่านั้น จะเก่า จะใหม่ ตนเองไม่ได้สนใจ จากภาพจะเห็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบมากว่า 30 ปี ทุกภาคส่วนมีการเรียกร้องให้เก็บกู้ทุ่นระเบิด ทั้งเก่าทั้งใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่เป็นไปตามข้อตกลงตามอนุสัญญาออตตาวา มีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
การเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องมองข้ามอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะปัญหาจากทุ่นระเบิด เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน ไทยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ต้องการให้มีทุ่นระเบิดอยู่ในไทย ต้องขอบคุณกองทัพที่ให้ข้อมูลว่าได้ทำลายระเบิดส่วนนี้มาตลอด และไม่มีอยู่ในคลังของเราแล้ว เพราะเป็นระเบิดที่ทำลายชีวิตมนุษย์
หลังจากวันนี้ ตนเองจะเรียกร้องให้กับประชาคมโลกและประเทศรัฐภาคีในอนุสัญญาออตตาวา เพื่อกดดันกัมพูชาให้มาร่วมมือกับไทย ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยไทยมี TMAC ที่พร้อมร่วมมือกับทุกประเทศทั่วโลก ทำเพื่อมนุษยธรรม
มาริษกล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์ชายแดนจะมีการหยุดยิง จะมีการประชุม GBC และ RBC ในอนาคต เราหวังว่าการแก้ปัญหา และข้อตกลงหยุดยิงจะได้พูดกันมากขึ้น พูดถึงความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และไทยยังคงกังวลเรื่องสงครามข่าวสารในการตอบโต้ จึงอยากเรียกร้องให้มิตรประเทศทุกประเทศ ช่วยกันผลักดันให้กัมพูชาที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ fake news เพื่อให้บรรยากาศในการสร้างสันติภาพของทั้งสองประเทศเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อประโยชน์ตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมได้มีการเปิดวิดิทัศน์บรรยายสรุปไทม์ไลน์สถานการณ์เหตุปะทะ และการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงสภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ชุมชน และยังมีการรายงานถึงการดำเนินการช่วยเหลือประชาชน จากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย