โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

หุ้นขึ้นไม่มี (หุ้น) เรา (แต่หุ้นลงเราลงด้วย)

THE STANDARD

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
หุ้นขึ้นไม่มี (หุ้น) เรา (แต่หุ้นลงเราลงด้วย)

ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ หุ้นในตลาดหลักของโลกอย่างเช่นสหรัฐอเมริกา หุ้นในตลาด ‘โตเร็ว’ อย่างเวียดนาม และแม้แต่ตลาดหุ้นไทยที่เคยตกลงมาแรงก่อนหน้านี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นตลาดหุ้นที่คนไทยเข้าไปลงทุนเป็นเรื่องเป็นราว มีการปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก

ดัชนีหุ้น S&P 500 ปรับตัวขึ้นประมาณ 9.6% ดัชนี VN ของเวียดนามปรับตัวขึ้นถึง 28.7% และดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงประมาณ 10% จากที่เคยตกลงไปถึงเกือบ 25% ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายหรือส่วนใหญ่ควรที่จะดีใจและน่าจะมีความหวังที่เต็มเปี่ยมกับการลงทุนในปีนี้ใช่ไหม

แต่สำหรับหลายคน และรวมถึงตัวผมเองนั้น ผลประกอบการของการลงทุนตั้งแต่ต้นปีมานั้นต้องบอกว่าน่าผิดหวังอย่างแรง พอร์ตตั้งแต่ต้นปียังขาดทุนหนักและแทบไม่ได้ดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงด้วยซ้ำ เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นที่เราเลือกและถือลงทุน ‘ระยะยาว’ ซึ่งเน้นการลงทุนเพียงไม่เกิน 10 ตัวหลัก ๆ ในแต่ละตลาดนั้น ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตามดัชนีในแทบทุกตลาดหุ้นที่ไป หลาย ๆ ตัวปรับตัวลงมาด้วย

หลายคนเฝ้ามองดัชนีและหุ้นบางตัวที่กำลังวิ่งขึ้นในวันที่ตลาดหุ้นร้อนแรงและก็เห็นหุ้นที่ตนเองถือนิ่งหรือปรับตัวลงวันแล้ววันเล่าก็รู้สึกเศร้าใจและหดหู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เหตุผลก็เพราะว่าหุ้นตัวที่ถืออยู่นั้นเป็นหุ้นที่ดีและถูก เข้าตำราการลงทุนแบบ VI อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะขายทิ้ง

ตรงกันข้าม หุ้นที่วิ่งขึ้นรุนแรงทุกตัวนั้น พื้นฐานทางธุรกิจก็ยังแย่อยู่มาก บางตัวก็อาจจะกำลังฟื้น แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ราคาหุ้นที่ขึ้นไปสูงลิ่วนั้น แพงเกินไปมาก แม้แต่กับหุ้นไฮเทคสุดยอดของอเมริกาที่กำลังโตจนแทบคับตลาดหุ้น

คอมเมนต์ที่เห็นบ่อยมากในเว็บเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงนี้จึงเป็น ‘หุ้นขึ้นไม่มี(หุ้น)เรา แต่เวลาหุ้นลง เราลงด้วย’ และนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะกับหุ้นไทย หุ้นเวียดนามและหุ้นอเมริกาก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน เหตุผลก็เพราะว่า หุ้นขึ้นรอบนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กระจายไปทั้งตลาดแบบที่จะเป็นเมื่อตลาดอยู่ในภาวะกระทิง

หุ้นขึ้นรอบนี้ ถูกนำโดยหุ้นบางกลุ่มหรือบางตัวที่มีขนาดใหญ่มากและหุ้นขึ้นไปแรงมาก ซึ่งส่งผลต่อดัชนีตลาดมหาศาล ในขณะที่หุ้นอื่น ๆ อีกหลายร้อยตัวเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่มีสภาพคล่องต่ำนั้นแทบจะไม่ขึ้นเลย หรือตกลงมาด้วยซ้ำ

ลองดูตลาดหุ้นอเมริกาคือดัชนี S&P 500 ซึ่งหุ้นตัวหลัก ๆ ตอนนี้คือกลุ่มหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งมีมูลค่าตลาดของหุ้นรวมกันถึงประมาณ 32% ของหุ้นทั้งตลาด หุ้น NVIDIA มีมูลค่าสูงถึง 7.6% และให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีที่ 34.4% หุ้นไมโครซอฟต์ มีสัดส่วน 6.8% และให้ผลตอบแทน 23.9% หุ้นเมตาหรือเฟซบุ๊กมีสัดส่วน 3.4% และให้ผลตอบแทนประมาณ 32% ส่วนหุ้นตัวอื่น ๆ อีก 4 ตัวซึ่งประกอบด้วย หุ้นแอปเปิล, กูเกิล, แอมะซอน และเทสลา นั้น ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 5-6% เท่านั้น ส่วนหนึ่งเพราะหุ้นเทสลาติดลบถึงกว่า 10%

คิดเฉพาะหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง 3 ตัวคือ เอ็นวิเดีย, ไมโครซอฟต์ และเมตา ก็มีส่วนทำให้ดัชนี S&P ขึ้นไปประมาณ 5.3% แล้ว และถ้าคิดเฉพาะหุ้น 7 นางฟ้า ก็น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี S&P เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1% เป็น 6.3% ดังนั้น ถ้าหุ้น S&P ซึ่งรวมหุ้นทั้งหมดปรับขึ้นไป 9.6% หุ้นเกือบ 500 ตัวในดัชนีที่ไม่รวมหุ้น 7 นางฟ้าก็จะโตขึ้นเพียงประมาณ 3.3% ตั้งแต่ต้นปี

ข้อสรุปก็คือ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ และคุณไม่ได้ลงทุนในหุ้นสุดยอด 3 ตัวดังกล่าวหรือไม่ได้ลงทุนในหุ้น 7 นางฟ้า ถ้าคุณกระจายความเสี่ยงดี คุณก็น่าจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณแค่ 3% แต่ถ้าหุ้นที่คุณเลือกนั้น ‘ผิดตัว’ คุณก็จะมีโอกาสขาดทุนได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นดีมาก

ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงตั้งแต่ต้นปีนั้น ปรับตัวขึ้นอย่าง ‘ระเบิด’ คือปรับตัวขึ้นถึง 28.7% ซึ่งน่าจะ ‘ดีที่สุดในโลก’ แต่ถ้ามองลึกเข้าไป หุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลงานดีสุดยอดนั้น มีไม่กี่ตัว เฉพาะอย่างยิ่งก็คือหุ้นในกลุ่ม ‘VIN Group’ ซึ่งประกอบไปด้วย หุ้น VIC ที่เป็นบริษัทแม่ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดและมี Market Cap คิดเป็น 8.3% ของทั้งตลาด หุ้น VHM มีขนาดคิดเป็น 7.3% และ VRE 1.3% โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีของหุ้น VIC เท่ากับ 186% VHM 135% และ VRE 77%

คิดไปแล้ว หุ้น 3 ตัวนี้น่าจะมีส่วนทำให้ดัชนี VN ของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของดัชนีคือ 14.4% เข้าไปแล้ว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม ถ้าไม่นับหุ้นกลุ่มวินกรุ๊ป 3 ตัวปรับตัวขึ้นไปประมาณ 143% และถ้ามองดูแบบคร่าว ๆ ก็จะพบว่าหุ้นอื่น ๆ ที่ปรับตัวขึ้นไปมากกว่าปกติก็คือหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่เพียงไม่กี่ตัว

ซึ่งทำให้พอสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นเวียดนามที่ขึ้นไปมากนั้น จริง ๆ เป็นการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวที่ปรับตัวขึ้นไปอย่างมโหฬาร อานิสงส์จากการที่กลุ่มบริษัทเริ่ม ‘ฟื้นตัว’ จากปัญหาการเงินที่รุนแรงจนเอาตัวแทบไม่รอด

สำหรับตลาดหุ้นไทยเองนั้น ผมไม่ได้ศึกษาในรายละเอียด แต่ก็พบว่าหุ้นขนาดใหญ่มากหลาย ๆ ตัว อาทิกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปตท. และปตท. สผ. หุ้นเดลต้า กลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ กลุ่มหุ้นสื่อสารขนาดใหญ่นั้น ราคาหุ้นตกลงมาน้อยหรือเพิ่มขึ้นจากต้นปีบ้าง และเป็นตัวค้ำไม่ให้ดัชนีตลาดโดยรวมตกลงมามากกว่า 10% อย่างที่เห็นล่าสุด

แต่หุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีสภาพคล่องและไม่มีคนเล่นนั้น ตกลงมาแรง บางตัวเป็น ‘หายนะ’ พูดง่าย ๆ ถ้าคุณไม่มีหุ้นเหล่านั้น ซึ่งมีจำนวนไม่มาก พอร์ตหุ้นไทยปีนี้มักจะมีผลตอบแทนที่ ‘เลวร้าย’ และน่าจะตกมากกว่า 10% จากต้นปีจนถึงวันนี้

ปรากฏการณ์ที่หุ้นใหญ่เพียงไม่กี่ตัวถูก ‘เล่น’ โดยนักลงทุนจำนวนมาก ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และถูก ‘ขยายกำลัง’ หรือพลังในการซื้อโดยโรบอต ทำให้หุ้นขนาดใหญ่ถึงยักษ์เหล่านั้นมีราคาพุ่งเป็นจรวด ซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดพุ่งขึ้นแรง ในขณะที่หุ้นตัวอื่นหรือกลุ่มอื่นอาจจะถูกละเลยจนทำให้ราคาไม่เพิ่มขึ้นตามดัชนีหรือแม้แต่ตามผลประกอบการที่ควรจะเป็น

ทำให้การ ‘เลือกหุ้น’ โดยเฉพาะเพื่อการลงทุนระยะยาวตามพื้นฐานของกิจการโดยเฉพาะในแนว VI นั้น น่าจะลำบากขึ้น อย่างน้อยก็ในแง่ของผลตอบแทนในระยะเวลาสั้นที่อาจจะด้อยลงเมื่อเทียบกับการลงทุนแนวทางอื่น

ในอีกมุมหนึ่งก็คือ มันอาจจะทำให้ VI บางคน ‘ถอดใจ’ และไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวหุ้นอาจจะผิด ซึ่งทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนหรือลดลงไปมากจนทำให้ตนเองรับไม่ไหวและขายหุ้นทิ้งและอาจจะพลาดผลตอบแทนที่อาจจะมาภายหลัง หลังจากที่กระแส ‘หุ้นตัวใหญ่กินเรียบ’ หมดไป

ในความคิดผมเองนั้น ก็คงจะคล้ายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ช่วงนี้ต้องนั่งมอง ‘หุ้นนางฟ้า AI’ วิ่งเอา ๆ แต่พอร์ตตนเองกลับไม่ค่อยดีนัก โตแค่ประมาณ 5.7% จากต้นปี แพ้ดัชนี S&P ที่ประมาณเกือบ 10% ไม่ต้องพูดถึงหุ้น ‘สามนางฟ้า AI’ ที่โตถึงประมาณ 30% แต่ถึงอย่างนั้น บัฟเฟตต์ก็ดูเหมือนจะไม่กระวนกระวายใจอะไร ยังนั่งทับกองเงินสดกองใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเบิร์กไชร์ รอว่าเวลาของหุ้นที่ตนเองถืออยู่จะกลับมาเมื่อไร

ผมเองตอนนี้ก็ร้องเพลงรอว่าเมื่อไรหุ้น ‘ซูเปอร์สต็อก’ โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเวียดนามของผมจะฟื้นกลับมาเมื่อไร โดยไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอะไรกับมัน แม้ว่าเพลงที่ร้องนั้นมันเป็น ‘เพลงเศรา’ เพราะพอร์ตเวียดนามของผมตกลงมาหนักมาก เปรียบเทียบกับตลาดแล้วก็แทบเป็น ‘หายนะ’ และผลงานที่ดีเยี่ยมในปีที่แล้วก็ยังไม่พอเทียบกับดัชนีตลาดที่พุ่งขึ้นมากกว่าในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา จนแทบจะพูดว่า ‘รู้งี้ ลงทุนในดัชนี VN เสียยังดีกว่า’

อย่างไรก็ตาม ผมก็หวังว่าสถานการณ์แบบนี้จะไม่อยู่คงทน และในที่สุด หุ้นที่ดีในแบบ VI พันธุ์แท้ ก็จะยังเป็นผู้ชนะอยู่ดี แม้จะไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน

ภาพ : Natanael Ginting / Shutterstock

อ้างอิง:

  • https://board.thaivi.org/viewtopic.php?t=66740
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

‘มาริษ’ นำคณะทูต 33 ชาติสำรวจความเสียหายกันทรลักษ์ จากเหตุชายแดนไทย – กัมพูชา

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไทยแสดงหลักฐานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แก่คณะทูต 33 ประเทศ ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘พีชชี่’ อินฟลูฯดัง สุดงงร้านดังคิดราคาไข่เจียวปู ทะลุที่ระบุในเมนูกว่า 2 เท่า

เดลินิวส์

เรื่องใหญ่ รพ.แจงแล้ว ปมสาวป่วยมะเร็ง เปิดบช.ได้เงินกว่า 1.6 ล้าน

TNews
วิดีโอ

ทภ.2 แถลง ช่องอานม้าเป็นพื้นที่ที่มีความล่อแหลมและยังคงมีอันตราย

BRIGHTTV.CO.TH

สภาพอากาศวันนี้ -22 ส.ค.ไทยฝนตกหนักบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

ฐานเศรษฐกิจ

วัยรุ่นกว่า 40 คนบุกบ้าน ใช้อาวุธปืน–ปาระเบิดปิงปอง หญิงวัย 42 ปีหวั่นอันตราย

THE PATTAYA NEWS

ดังไปทั่วโลก! สื่อต่างชาติรายงาน "นายหน้าค้าอาวุธรัสเซีย" ซุก "อาวุธปืนล็อตใหญ่" ในเตาไมโครเวฟเตรียมส่งเข้า “มอสโก” โดนจับได้ที่ “ไทย”

Manager Online

เขี้ยวเล็บ ทอ. สนามรบไทย-เขมร การศึกสมัยใหม่ ‘สงครามโดรน’

ไทยโพสต์

รพ.นเรศวร แจงปมบริจาคผู้ป่วยมะเร็ง ยันรักษามตามสิทธิ ไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม

Manager Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ในสายตาทรัมป์ ไทยและกัมพูชา ใครสำคัญกว่ากัน ?

THE STANDARD

อิชิตัน ‘ทุบสถิติ’ โชว์กำไร Q2 ปี 68 โต 66% เดินหน้าส่งชาเขียว-น้ำด่างไซส์ใหญ่บุกตลาด

THE STANDARD

เปิดเหตุผล ทำไม กนง. ลดดอกเบี้ยรอบนี้? สู่ระดับ 1.50% ต่ำสุดรอบ 2 ปี 5 เดือน พร้อมส่งสัญญาณ ‘หั่นได้อีก’

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...