จากโต๊ะเจรจาสู่การลงมือปฏิบัติ ทำไมสนธิสัญญา 'พลาสติกโลก' ต้องก้าวให้ไกลกว่าแค่การเจรจา
กระบวนการนี้ริเริ่มโดยสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA) โดยมีเป้าหมายเพื่อร่าง “ตราสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ” ที่จะควบคุมวงจรชีวิตของพลาสติกทั้งหมด ตั้งแต่การผลิต การออกแบบ ไปจนถึงการรีไซเคิลและการกำจัด สนธิสัญญาฉบับนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่มีศักยภาพในการกำหนดทิศทางการสร้าง การใช้ และการจัดการพลาสติกของโลกในทศวรรษข้างหน้า
จากห้องประชุมสู่การปฏิบัติจริง
แม้การเจรจาจะเต็มไปด้วยความท้าทายจากประเด็นต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนทางการเงิน ความรับผิดชอบของแต่ละประเทศ และสารเคมีที่น่ากังวล แต่ความสำเร็จของสนธิสัญญาจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งเพื่อเปลี่ยนจากคำมั่นสัญญาไปสู่การปฏิบัติจริง
โครงการ Global Plastic Action Partnership (GPAP) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดในการแก้ไขปัญหามลพิษพลาสติก โดยมี World Economic Forum เป็นเจ้าภาพตั้งแต่ปี 2018 ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ GPAP ดำเนินงานใน 25 ประเทศ โดยทำงานร่วมกับรัฐบาล ผู้นำในภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาสังคม และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายระดับโลกให้เป็นการปฏิบัติระดับประเทศ
GPAP ช่วยเหลือรัฐบาลในการจัดทำ “แผนปฏิบัติการ” ที่สอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น เพื่อลดขยะพลาสติก สร้างรายได้ และสร้างงาน นอกจากนี้ยังได้รวบรวมบทเรียนจากกว่า 60 ประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้เจรจาและผู้ที่ทำงานภาคสนาม
การมีส่วนร่วมคือกุญแจสำคัญ
มลพิษจากพลาสติกไม่ใช่แค่เรื่องการจัดการขยะ แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นเรื่องความเท่าเทียม โอกาส และการมีส่วนร่วม ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เช่น คนเก็บขยะนอกระบบและกลุ่มชายขอบ มักไม่ค่อยมีบทบาทในการอภิปรายระดับโลก
GPAP จึงจัดตั้ง “โครงการ Inclusive Plastic Action Programme” เพื่อสนับสนุนนักนวัตกรรมท้องถิ่น ซึ่งหลายคนเป็นผู้หญิงและเยาวชน โครงการนี้มุ่งมั่นที่จะบูรณาการหลักการความเสมอภาคทางเพศและการรวมตัวทางสังคม (GESI) เข้าไปในทุกการดำเนินงาน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจพลาสติกหมุนเวียนมีความยุติธรรมและทั่วถึงอย่างแท้จริง
บทบาทสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ในฐานะเจ้าภาพ
การประชุม INC-5.2 ที่เจนีวาเน้นย้ำถึงบทบาทพิเศษของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีประเพณีทางการทูตในการเป็นกลางและสร้างสะพานเชื่อม ทำให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการจัดทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
สวิตเซอร์แลนด์เป็นผู้สนับสนุนการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของหลักฐานที่จับต้องได้ โดยมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางการเจรจาสนธิสัญญาพลาสติกนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การป้องกันมลพิษและปกป้องสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม สวิตเซอร์แลนด์ยังผลักดันให้มีการลดการผลิตและใช้พลาสติกใหม่ ๆ รวมถึงการกำจัดพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้งและผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตราย นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดในการปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญาอย่างเท่าเทียม
รากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
แม้ผลลัพธ์ของการประชุม INC-5.2 ยังต้องติดตามต่อไป แต่บทเรียนจากความร่วมมืออย่าง GPAP ชี้ให้เห็นว่าความก้าวหน้าต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย การปรับตัวอย่างต่อเนื่อง และการสร้างความไว้วางใจ การรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน
สนธิสัญญาฉบับนี้จะเป็นการกำหนดทิศทางระดับโลกและเร่งให้เกิดผลกระทบ แต่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้จากการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องในภาคสนาม และการลงทุนในเครือข่าย เครื่องมือ และแนวทางแก้ไขที่ครอบคลุม เพื่อสร้างอนาคตที่ปราศจากมลพิษพลาสติกอย่างแท้จริง
ที่มา : World Economic Forum