ความหมายชื่อ “กรุงอุดงค์มีชัย” ราชธานีที่ยืนยาวที่สุดของกัมพูชาหลังสมัยพระนคร (243 ปี)
กรุงอุดงค์มีชัย, อุดงค์ฦๅชัยหรือบันทายเพชรปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดกำพงสพือ ประเทศกัมพูชา คือราชธานีของกัมพูชาสมัยหลังพระนคร ที่มีระยะเวลาการเป็นเมืองหลวงยืนยาวที่สุด รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 243 ปี
กรุงอุดงค์มีชัยถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงในสมัย พระบาทสมเด็จพระชัยเชษฐาที่ 2เมื่อ พ.ศ. 2164 ตรงกับสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา มาถึง พ.ศ. 2407 ในสมัย สมเด็จพระนโรดมบรมรามเทวาวตารซึ่งตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ชื่อ อุดงค์มีชัยในภาษาเขมรเรียก “อุฎงฺคมานชัย”คำว่า อุฎงฺคเป็นคำยืมภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า อุตฺตงฺคมีความหมายว่า “สูงส่ง, ประเสริฐ, มีค่า” ชื่อของเมืองจึงแปลว่า “เมืองประเสริฐมีชัยชนะ” บางครั้งเรียกว่า อุดงค์ฦๅชัยอันมีความหมายว่า “เมืองประเสริฐที่เลื่องลือชัยชนะ”
ตำนานพื้นบ้านเขมรเล่าว่าชื่ออุดงค์มีชัย มาจากชื่อ ตาฎุงและ ยายชัยตามที่ปรากฏในหนังสือ ประชุมเรื่องเพรงเขมร (ประชุมเรื่องโบราณเขมร) ของพุทธศาสนบัณฑิตย์ ซึ่งเล่าถึงการสร้างเมืองแห่งนี้ว่า
“ในพุทธศักราช 2164 คริสต์ศักราช 1620 พระบาทสมเด็จพระชัยเชษฐาเป็นเจ้าชีวิตเลอหัว เสด็จประทับอยู่ยังพระราชวังลวาเอม ทรงนำพระอัครมเหสี พระสนมกรมการ เสนาบดีและนาหมื่นสรรพมุขมนตรีข้าราชการทั้งปง ลงพระราชที่นั่งนาวาเสด็จพระราชดำเนินไปประพาสยังตำบลโอร์กรองเลียย ในเมืองสำโรงทอง ประทับยังพระพลับพลาเป็นเวลาหลายวัน แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปพักยังที่ตาฎุง ยายชัย
ทรงทอดพระเนตรเห็นที่เนินหนึ่งในตำบลสระแก้วเป็นที่มีทัศนียภาพงดงาม ก็ทรงจับพระราชหฤทัย และทรงพระราชดำรัสกับมนตรีข้าราชการทั้งปวง มีโหราธิบดีเป็นต้นว่า ‘เราใคร่สร้างพระราชวังประทับในที่นี้ เช่นนั้นแล้วท่านทั้งปวงเห็นอย่างไร’ ออกญาโหราธิบดี (มุม) คิดคำนวณพินิจดูที่ดินนั้น โดยกระบวนโหราศาสตร์แล้วกราบบังคมทูลว่า ‘ที่นี้เป็นชัยภูมิดีมาก ต้องตามกระบวน ทายว่าจะมีฤทธิตบะเดชะชนะสิ้นศัตรูทั้ง 8 ทิศ’
…ทรงพระราชบัญญัติให้เรียกที่นั้นว่า ‘กพงหลวง (ท่าหลวง)’ แล้วทรงพระราชบัญชาพนักงานมุขกระทรวง ให้จัดทำพระราชพิธีขึ้นพระราชวังใหม่ นิมนต์พระสังฆราชาคณะเจริญพระปริตร 3 วัน เข้าพระราชพิธี ณ วันขึ้น 5 ค่ำ เดือนผลคุณ ปีวอก โทศก พุทธศักราช 2164 คริสต์ศักราช 1620 และพระราชวงศานุวงศ์ พระอัครมเหสี พระสนมกรมการ เสนาบดี มนตรีข้าราชการเป็นราชบริพารแห่เสด็จขึ้นจากำพงหลวงเข้าไปประทับในพระราชวังใหม่
แล้วทรงให้จัดทำพระราชพิธีสมโภชพระนครอีก 3 วัน โดยมีการละเล่นมหรสพครบแบบเป็นโอฬาริกอธิกธมยิ่งนัก จึ่งทรงตั้งพระนามพระนครใหม่นั้นว่า ‘พระบรมราชวังมหานคร อุดงค์มานชัย บุรีรมย์อุดมราชนิเวศน์ฐาน’ ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า‘กรุงอุดงค์มานชัย’…”
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากชื่อของเมืองดุดงค์มีชัยแล้ว ชื่อนี้น่าจะมาจากคำภาษาบาลี-สันสกฤต ที่หมายถึง เมืองประเสริฐที่มีชัยชนะหรือ เมืองประเสริฐที่เลื่องลือชัยมากกว่าจะมาจากชื่อตาฎุงกับยายชัยดังปรากฏในตำนาน
ส่วนอีกชื่อของอุดงค์มีชัยคือ บันทายเพชรมาจากคำว่า บันทาย(บนฺทาย) ออกเสียงภาษาเขมรว่า “บ็อนเตียย”มีความหมายตาม วจนานุกรมเขมรฉบับของพุทธศาสนบัณฑิตย์ กรุงพนมเปญว่า “น. ดินยกสูงหรือกำแพงมั่นคงล้อมรอบ เป็นที่กำบังป้องกันศึกศัตรูซึ่งเป็นทัพศึกศัตรู” โดยนัยจึงหมายถึง “เมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ”และ “ค่าย” สำหรับรับศึกสงคราม
บันทายเพชร จึงหมายความว่า เมือง (ที่มีกำแพง) ที่แข็งแรงดุจเพชร
เอกสารไทยเรียกคำว่า “บันทาย” ต่างกันไปหลายเสียง ได้แก่ ไผท, พุทไธบางครั้งคนไทยจึงเรียกอุดงค์มีชัยว่า พุทไธเพชร
เมืองบันทายเพชรถูกเผาทำลายครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 โปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าพระยายมราช (น้อย)ยกทัพไปไกล่เกลี่ยสมเด็จพระอุทัยราชา (พระองค์จันท์) กับพระมหาอุปโยราช (พระองค์สงวน) ครั้นไปถึง สมเด็จพระอุทัยราชาหนีไปพึ่งพิงเวียดนาม ทัพไทยจึงตั้งมั่นอยู่ที่บันทายเพชร
เมื่อไม่เห็นประโยชน์ที่จะตั้งทัพอยู่ เจ้าพระยายมราชจึงให้เผาเมืองพนมเปญ กระพงหลวง และกวาดต้อนผู้คนมายังเมืองพระตะบอง ให้พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมืองอยู่ฟังราชการที่บันทายเพชร แล้วทัพไทยก็ยกกลับกรุงเทพฯ เมืองบันทายเพชรจึงถูกทำลายในคราวนั้น
ต่อมาในสงครามอานามสยามยุทธ์เจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี)ได้สร้างเมืองอุดงค์ฦๅชัย (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น อุดงค์มีชัย) ขึ้นใหม่ ให้สมเด็จพระหริรักษ์รามาอิศราธิบดี (พระองค์ด้วง) ประทับ โดยห่างจากเมืองบันทายเพชรเดิม 50 เส้น (2 กิโลเมตร) และเป็นราชธานีของกัมพูชาสืบต่อมากระทั่งสมเด็จพระนโรดมบรมรามเทวาวตารย้ายราชธานีไปอยู่ที่พนมเปญ
สงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทำให้โบราณสถานในเมืองอุดงค์มีชัยถูกทำลายและสร้างใหญ่หลายยุคหลายสมัยต่อเนื่อง จนมีการย้ายราชธานีไปยังกรุงพนมเปญ ก่อนจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงจากสงครามเขมรแดง ซึ่งทำลายวัดวาอาราม พระพุทธรูป และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ จนแทบไม่เหลือร่องรอย
อ่านเพิ่มเติม :
- ละแวก อดีตราชธานีของเขมร 66 ปี ชื่อนี้แปลว่าอะไร?
- “เมืองละแวก” แตกด้วยกระสุนเงิน เผยกลศึกอาณาจักรอยุธยา ยึดครองดินแดนเขมร
- ปิดฉาก “เมืองพระนคร” บ้านเมืองล่มสลาย ผู้คนถูกกวาดต้อน เหตุสงคราม “อยุธยา” บุก “เขมร”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ศานติ ภักดีคำ. ผศ. ดร. (2556). เขมรสมัยหลังพระนคร.กรุงเทพฯ : มติชน.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 26 สิงหาคม 2568
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ความหมายชื่อ “กรุงอุดงค์มีชัย” ราชธานีที่ยืนยาวที่สุดของกัมพูชาหลังสมัยพระนคร (243 ปี)
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com