‘อธิบดีกรมพัฒนาสังคมสวัสดิการ’ ร่อนหนังสือแจ้งผู้ปกครองนิคมสร้างตนเอง 43 แห่ง สำรวจการถือครองที่ดิน
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ส่งหนังสือแจ้งเวียนไปยังผู้ปกครองนิคมสร้างตนเอง 43 แห่ง ใน 32 จังหวัดทั่วประเทศ ให้สำรวจปัญหาการเข้าถือครองที่ดินของราษฎรโดยมิชอบ ได้มอบแนวทางให้ทุกนิคมฯ สำรวจโดยใช้กลไกระดับพื้นที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานร่วมพิจารณา มีกรรมการร่วมทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมพิสูจน์ให้เกิดความชัดเจนว่า ที่อ้างสิทธิอยู่ก่อนจัดตั้งนิคมฯ เท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมฯ มีมาตั้งแต่ปี 2506, ปี 2508 และปี 2512
นายกันตพงษ์ กล่าวว่า หากพิสูจน์พบว่าไม่มีสิทธิตามที่กล่าวอ้าง จะได้ร่วมแก้ปัญหา รายใดไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นราษฎรเดิม ก็ให้เช่าเป็นอีกทางหนึ่งที่ดำเนินการได้ตามระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ว่าด้วยการใช้ประโยชน์ที่ดินนิคมฯ ซึ่งที่ผ่านมา มีการทำสัญญาเช่าที่นิคมฯ อยู่เกือบ 20,000 สัญญา ราคาเช่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ ถูกที่สุดคือเช่าเป็นที่อยู่อาศัย แพงสุดก็เป็นค่าเช่าเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้กำหนดกรอบระยะเวลาสำรวจให้ได้ข้อมูลภายในวันที่ 30 ก.ย. นี้
นายกันตพงศ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการพิสูจน์มีทั้งการยืนยันด้วยหลักฐานทะเบียนราษฎร สูจิบัตร ที่ราชการออกให้ก่อนประกาศจัดตั้งนิคมฯ การดูจากภาพถ่ายทางอากาศ หากพิสูจน์ด้วยหลักฐานว่าได้อยู่จริง ก็มาพิจารณาถึงคุณสมบัติในการสมัครเป็นสมาชิกนิคมฯ ว่าได้หรือไม่ ซึ่งการเป็นสมาชิกนิคมฯ จะได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินครอบครัวละไม่เกิน 50 ไร่ แต่ปัญหาที่ผ่านมา บางรายครอบครองเกินจำนวน จึงไม่มาสมัครเป็นสมาชิกตั้งแต่แรก เพราะเกรงจะถูกเฉือนที่ดินที่ครอบครองเกินกำหนดออกไป บางรายจึงใช้วิธีการเช่าแทน หรือบางรายรับตกทอดมาจากบิดา มารดาที่อยู่ก่อนแต่มาถึงรุ่นตัวเองกลับไปทำอาชีพอื่นก็ขาดคุณสมบัติ ซึ่งมีหลายปัญหาที่คาราคาซังไม่ได้มีการจัดระเบียบให้ชัดเจน หากเห็นว่าจุดใดเป็นข้อจำกัดมีปัญหามากจนเกิดข้อพิพาท ก็คงต้องไปแก้ที่ตัวกฎหมาย เท่าที่ทราบส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นการครอบครองภายหลังมีกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมฯ แต่ครอบครองจำนวนไม่มาก เพราะอยู่กันเป็นครอบครัวเพื่อทำกิน คาดว่ามีการบุกรุกทุกนิคมฯ โดยเฉพาะลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปัญหาการบุกรุกมากที่สุด