เปิดแผน พลังประชารัฐ ฟื้นอำนาจ คัดเกรด 100 ขุนพล วางเป้า 60 สส.
คอลัมน์ : Politics policy people forum
พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค
แม้เวลานี้มีเสียงในมือเพียง 19 เสียง เพราะส่วนหนึ่งแปรพักตร์ไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 21 เสียง
แต่พรรคพลังประชารัฐ ณ นาทีนี้ อาจกล่าวได้ว่าถูกพูดถึงในหมู่ “คนการเมือง” ไม่น้อยไปกว่าพรรคกล้าธรรม และพรรคโอกาสใหม่ ในยามที่ตลาดการเมืองเริ่มแง้มประตู เพราะสถานะรัฐบาลแพทองธารไม่มั่นคง
อีกทั้งในห้วงที่รัฐบาลเพื่อไทยกำลังเรตติ้งตก จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนทางการเมือง-นักเลือกตั้ง ที่หวังหาบ้านใหม่มาเจอกัน
ไม่แปลกที่เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พรรคพลังประชารัฐแถลงเปิดตัว “ว่าที่ผู้สมัคร สส.” กว่า 32 ชีวิต
ในจำนวนเกือบ 20 ชีวิตเคยเป็นทั้ง สส.พรรคเพื่อไทย หรือมีรากที่เกี่ยวโยงกับพรรคเพื่อไทย และยังมีอดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาธิปัตย์ มาสมทบ
บิ๊กป้อมเอาจริง ไม่ทำเล่น ๆ
พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ว่าเราพร้อม และวางเป้าหมายไว้ในหลายพื้นที่ ต้องมีความใกล้ชิดประชาชน และเราเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรักชาติเข้ามาดูแลพรรคและพิสูจน์ตัวเอง มาช่วยกันดูแลประชาชนให้มีความเจริญก้าวหน้า
ส่วนเป้าหมายที่วางไว้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เราก็มีคณะกรรมการที่คัดเลือกผู้สมัคร สส. เป้าหมายที่ตั้งไว้ในใจคือประมาณ 60 ที่นั่ง ส่วนเขตที่มั่นใจว่าปักธงได้ก็มี เช่น จังหวัดเพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พังงา แต่จะแน่นอนหรือไม่ก็แล้วแต่ประชาชน
“พรรคเราไม่ได้ทำงานด้วยกระแส แต่ทำงานด้วยการทำงานที่อยากให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ ส่วนปัจจัยอะไรที่จะใช้ชักชวนให้คนรุ่นใหม่มาเลือกพรรค พปชร.นั้น ก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเรามีความจริงใจต่อเขา ทําให้เห็นว่าเราดูแลผลประโยชน์ของประชาชน โดยยึดหลักการทำงานจริง ไม่ใช่ทำเล่น ๆ”
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐถึงแม้จะมี 19 เสียง แต่ไปอยู่ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นก็มั่นคง ถ้าไปอยู่ฝ่ายรัฐบาลก็มั่นคง แต่ผมไม่ไป ขออยู่ฝ่ายค้าน ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีคนเชิญให้ผมไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยอมรับว่ามีคนมาชวน มีคนมาทาบทามจริง แต่ถ้ารัฐบาลมาจีบวันนี้ก็ไม่ไป พูดคำไหนคำนั้น
ส่วนที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายค้านจะทำงานเต็มที่หรือไม่ ไม่ต้องกลัว พรรคพลังประชารัฐเต็มที่ พรรคอื่นผมขอไม่พูดถึง แต่คิดว่าพรรคภูมิใจไทยก็เต็มที่กับผม แต่หากในอนาคตพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เราก็ร่วมแน่นอน คุยกันแล้ว
พปชร.มีเอกภาพ
พรรคพลังประชารัฐผ่านการเลือกตั้งใหญ่มา 2 หน แต่จำนวน สส.ที่ได้เมื่อตอนปี 2562 ได้ สส. 116 ที่นั่ง ส่วนการเลือกตั้งในปี 2566 ได้ สส. 40 ที่นั่ง น้อยกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ในช่วงที่พรรคพลังประชารัฐเจอมรสุมภายใน มีข่าวว่าพรรคแตก-ถึงจุดจบ แต่ ณ ตอนนี้ ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าพลังประชารัฐมีเอกภาพโดยสมบูรณ์แล้ว
“พรรคพลังประชารัฐตอนนี้เรียกว่า พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค ดูแลอย่างสมบูรณ์ ไม่มีกลุ่มก๊วนต่าง ๆ แล้ว คิดว่าเราทำงานของเราให้ดีที่สุด มีเอกภาพที่หัวหน้าพรรคคนเดียวก็ดีขึ้น ส่วนแกนนำก็มีแข่งขันกันบ้าง แต่ก็จะทำให้งานดีขึ้น”
เปิดแผนเฟ้นผู้สมัคร
“ไพบูลย์” กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคพลังประชารัฐจะมีต่อไปเรื่อย ๆ เป้าหมายที่จะส่ง สส. 100 กว่าเขต ส่งในเขตที่ “หวังผล” ได้ ไม่จำเป็นต้องส่งครบ 400 เขต เพราะเป็นภาระเปล่า ๆ ส่งที่เรามั่นใจ กลั่นกรองแล้วมีโอกาสชนะสูง แต่ถ้าส่งแบบหว่านแหแบบปี 2562 เพื่อจะเอาคะแนนเขต แต่ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกัน
ปี 2566 ไม่ได้ดูแลปาร์ตี้ลิสต์ เพราะเข้าใจว่าเขตจะมีผลกับปาร์ตี้ลิสต์ แต่ไม่เกี่ยวเลย บัตรคนละใบ สส.เขตก็ต้องหาเสียงเขตเขา ปาร์ตี้ลิสต์จึงได้น้อย แต่เลือกตั้งรอบนี้จะดูแลปาร์ตี้ลิสต์ด้วย โดยหัวหน้าพรรคตั้งเป้า 60 คน โดยเฉพาะ สส.เขต ยังไม่รวมปาร์ตี้ลิสต์
ถามว่าจะเน้นภาคใดเป็นพิเศษหรือไม่ “ไพบูลย์” ตอบว่าไม่เน้นภาคไหนเป็นพิเศษ แต่ดูที่ความเป็นไปได้ของผู้สมัครจะชนะเลือกตั้ง แต่ส่วนใหญ่ที่มาพรรคพลังประชารัฐแล้วคือภาคอีสานกับภาคเหนือ ภาคใต้ก็ทยอยมา เรียกได้ว่ามาจากทั้งประเทศ ส่วนจะมามากหรือน้อยต้องดูตอนจบ
“เหตุผลที่วาง สส.เขต 60 คน เป็นจำนวนที่ พล.อ.ประวิตร มองว่าเหมาะสม ยังไม่รวมบัญชีรายชื่อ ก่อนที่จะดูว่าเราควรจะมีผู้สมัครเท่าไหร่ ปีนี้เอาชัวร์ ๆ”
ตอนเลือกตั้งปี 2566 พรรคภูมิใจไทยสร้างปรากฏการณ์ดูด สส.พรรคต่าง ๆ รวมกันเกินร้อย โดยยึดหลักว่าจะมี สส.กลับเข้าสภาประมาณ 70-80% และปรากฏว่าหลังเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยได้ สส.ตามเป้า
ถาม “ไพบูลย์” ว่าเป็นสูตรเดียวกันหรือไม่ เขาตอบว่า “คงไม่คล้ายกับพรรคภูมิใจไทยเสียทีเดียว แต่ก็หลักการเดียวกันคือ “ส่งแต่ชัวร์”
คัดกรองละเอียด
เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐบอกว่า การคัดตัว สส.ขณะนี้ มีทีมเคาะ ทีมประเมิน มีศูนย์ข้อมูลผู้สมัคร 77 จังหวัด ดูประวัติ-ประสบการณ์ เคยเป็นอดีต สส.ได้คะแนนเท่าไหร่ และลองเสนอชื่อมวลชนของว่าที่ผู้สมัครแต่ละคนว่ามีเครือข่ายแบบไหน อย่างไร จะต้องมีหลักหลายพันคน ไม่ใช่มีแต่ตัวคนเดียว
อะไรที่ทำให้พรรคได้ สส.ตามเป้า เขาตอบว่าประวัติเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง แต่ต้องอยู่ที่การบริหารจัดการ เราก็ต้องบริหารจัดการ แข่งขันกับพรรคอื่น พรรคอื่นทำอะไร เราก็ต้องทำเหมือนกัน
เมื่อถามว่า “งบประมาณ” ที่ใช้เท่าไหร่ “ไพบูลย์” บอกว่า “ใช้เงินตามกฎหมาย”
แล้วอะไรเป็นสูตรพิเศษที่ทำให้คนจากพรรคอื่นย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ “ไพบูลย์” กล่าวว่า “เขาเชื่อถือหัวหน้า เชื่อถือ พล.อ.ประวิตร ผู้ใหญ่ใจดี”
“เรามีประสบการณ์ เลือกตั้งครั้งที่แล้วส่งเยอะ มัวไปหว่านแหอยู่นั่นแหละ ดังนั้น ครั้งหน้าจะต้องมีขั้นตอน มีการตรวจสอบ รีเช็ก ดับเบิลเช็ก คราวนี้เอาจริง ซึ่งคราวที่แล้วมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ เราจึงต้องวางแผนรัดกุม”
ถามว่าประเมินสถานการณ์การเมืองในขณะนี้จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ “ไพบูลย์” บอกว่าอยู่ที่นายกฯแพทองธาร จะพ้น (คดีในศาลรัฐธรรมนูญ) หรือไม่ เกิดการยุบสภาหรือไม่ หรือเลือกนายกฯคนใหม่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เปิดแผน พลังประชารัฐ ฟื้นอำนาจ คัดเกรด 100 ขุนพล วางเป้า 60 สส.
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net