กูรูเปิดโผ 7 กลุ่มหุ้นไทย รับผลกระทบความขัดแย้งไทย - กัมพูชา ปะทุ
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มองว่าตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงในเรื่องการใช้กำลังทางทหารกับกัมพูชา ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนไม่กล้าผลีผลามเข้าซื้อหุ้น แม้จะเล็งผลบวกจากการเจรจาการค้าหรือ เงินทุนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นเอเซียก็ตาม นักลงทุนบางส่วนอาจไม่กล้าถือครองหุ้นข้ามวันหยุดยาวนี้
จากสถานการณ์การปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา มีความรุนแรงมาก พลเรือนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากการยิงขีปณาวุธของกัมพูชา เป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้น ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา
ความตึงเครียดไทย-กัมพูชา
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้วันที่ 24 ก.ค. 68 แม่ทัพภาค 1 ได้สั่งการให้ปิด 5 ด่านชายแดนไทย - กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ได้แก่
- จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก (โรงเกลือ) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
- จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอียน-สตึงบท) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
- จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
- จุดผ่อนปนการค้าบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
- จุดผ่อนปนการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งปิด 100%
ล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา ในช่วงระหว่างวันที่ 24 - 25 ก.ค.68 โดยมีผู้ที่ได้รับผลบาดเจ็บ 33 คน เสียชีวิต 13 ราย ส่วนทหารได้รับบาดเจ็บ 29 คน เสียชีวิต 6 ราย
พร้อมกันนี้ มีประชากรต้องอพยพจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มากกว่า 130,000 คน ไปยังศูนย์พักพิง 295 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ 67 แห่ง, ศรีสะเกษ 58 แห่ง, บุรีรัมย์ 1 แห่ง และอุบลราชธานี 169 แห่ง
SAV-CBG หนักสุด
ตามข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้น ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยมองเป็นลบต่อกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink), ท่องเที่ยว, ค้าปลีกน้ำมัน, อาหารกระป๋องส่งออก, Commerce โดยมองว่า หุ้นที่ได้รับผลกระทบมากสุด ได้แก่ SAV, CBG
โดย SAV มีรายได้ 100% ในกัมพูชา มีความเสี่ยงและเป็น overhang จากการดำเนินธุรกิจหลักวิทยุการบินในกัมพูชา ได้สัมปทานถึงปี 2051 ฝ่ายวิจัยแนะนำ ชะลอการลงทุนจนกว่าสถานการณ์ ไทย-กัมพูชา จะผ่อนคลาย
กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง
CBG มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาประมาณ 13% ของรายได้รวม ซึ่ง CBG มี market เป็นอันดับ 1 ของกัมพูชา โดยมากกว่า 50% และต่างกับอันดับ 2 ซึ่งเป็นผู้ผลิต Local ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ CBG มีสต๊อกที่ 3 เดือน
และปัจจุบันขนส่งทางเรือซึ่งจะใช้เวลามากกว่าขนส่งทางบกประมาณ 3 - 4 วัน อย่างไรก็ดี ตัวแทนจำหน่าย (distributor) ที่กัมพูชาเผยยอด sell-out ปัจจุบันยังปกติ โดยกิจกรรมทางการตลาดและการบริโภคในประเทศกัมพูชายังเป็นปกติ
แต่หากไม่มีรายได้จากกัมพูชาในเดือน ก.ค. - ธ.ค. 68 จะกระทบกำไรสุทธิปี 68 ที่ 340 ล้านบาท หรือเป็น downside ที่ -10% หากอิง target PE ที่ 24 เท่า หรือ -1.25SD จะได้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 71 บาท และในกรณี worst case อิง target PE ที่ 17.2 เท่า หรือ -2SD จะได้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 51 บาท
มองว่าราคาหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนเหตุการณ์ข้างต้นไปพอสมควรแล้ว สำหรับโรงงานที่กำลังจะเปิดในกัมพูชา ยังคงเปิดตามกำหนดการเดิมคือ 1 ธ.ค. 68 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 68 ที่ 3,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 79 บาท และเชื่อว่าผลประกอบการจะเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนและจากไตรมาสก่อน ตั้งแต่ไตรมาส 2/68 เป็นต้นไป
OSP คาดว่าจะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนรายได้ส่งออกไปตลาดกัมพูชาประมาณ 1%
แรงกดดันของกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มค้าปลีก (Commerce)
- GLOBAL มี 2 สาขาในพนมเปญและพระตะบอง (ถือ 55%) สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 2%
- CPAXT มี 3 สาขาในพนมเปญและเสียมเรียบ สัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%
- CPALL มีสาขาของ 7-eleven รวมจำนวนสาขา 112 สาขาในกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนรายได้น้อยกว่า 1%
กลุ่มค้าปลีกน้ำมัน-ส่งออกอาหาร
- OR กัมพูชาสร้าง EBITDA คิดเป็น 4% ของ EBITDA รวมในไตรมาส 1/68 โดยมีสถานีบริการน้ำมัน 186 สาขา, Cafe Amazon 254 สาขา, และร้านสะดวกซื้อ 71 สาขา
- TU ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ส่งออกไปตลาดกัมพูชา 0.01% ของรายได้รวม
กลุ่มท่องเที่ยวนั้น
จากสถานการณ์ความรุนแรง ไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย โดยมีบางประเทศมีการเตือนนักท่องเที่ยวเลี่ยงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ผลกระทบด้านแรงงาน
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
ผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนแรงงานกัมพูชาไม่มากและแรงงานส่วนใหญ่ยังทำงานปกติ โดยปัจจุบัน CK ไม่มีแรงงานในสังกัดโดยตรงที่เป็นชาวกัมพูชา, STECON มีแรงงานกัมพูชา 5%, และ SEAFCO มี <10%
GFPT มีสัดส่วนแรงงานกัมพูชา 20% อย่างไรก็ดี การว่าจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นการติดต่อผ่าน agency โดยหากมีการเลิกสัญญาก่อนกำหนด agency มีหน้าที่จัดหาแรงงานชดเชย ขณะที่ปัจจุบันแรงงานยังทำงานปกติและยังไม่ได้มีการยื่นจำนงขอกลับประเทศ