กรมวิทย์ฯ จับมือ กรมศิลป์ฯ บูรณะกระเบื้องเคลือบเจดีย์ยักษ์ วัดพระยาทำฯ
วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้จัดพิธีแถลงข่าวเพื่อประกาศความสำเร็จของ "โครงการบูรณะกระเบื้องเคลือบหอระฆัง (เจดีย์ยักษ์) วัดพระยาทำวรวิหาร"
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการและกรมศิลปากร โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โครงการนี้มีเป้าหมายในการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติผ่านการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้การบูรณะมีความแม่นยำและยั่งยืน
ดร.พจมาน ท่าจีน รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ให้สัมภาษณ์ถึงความสำเร็จของโครงการว่า โครงการนี้เป็นผลจากความร่วมมืออันแนบแน่นระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการและกรมศิลปากร ซึ่งได้นำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบอัตลักษณ์ของโบราณสถาน รวมถึงการพัฒนากระบวนการบูรณปฏิสังขรณ์ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการอนุรักษ์ และยังเป็นต้นแบบสำคัญของการบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้ากับศิลปวัฒนธรรมของไทย ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมวิทยาศาสตร์บริการที่มุ่งมั่นในการ ‘นำวิทยาศาสตร์ สู่การดูแลประชาชน’
ดร.พจมาน กล่าวต่อว่า การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยไม่เพียงแต่เป็นการรักษามรดกทางประวัติศาสตร์ของชาติ แต่ยังเป็นการช่วยสร้างมูลค่าให้กับผู้ประกอบการผ่านการขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากร โดยจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตให้กับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถผลิตและบูรณะได้ตามมาตรฐานที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนางานวิจัยและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางศิลปวัฒนธรรมไทย
ด้าน นายพงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร กล่าวถึงความสำคัญของโครงการว่า โครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศาสตร์ด้านโบราณคดีและศิลปวัฒนธรรม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์โบราณสถานให้คงคุณค่าไว้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการธำรงรักษามรดกของชาติให้คงอยู่สืบไป
นอกจากนี้ โครงการนี้ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการบูรณะโบราณสถาน โดยใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์วัสดุที่ใช้ในการบูรณะ เพื่อให้ได้วัสดุที่ใกล้เคียงกับของเดิมที่สุด พร้อมทั้งใช้วิธีการที่เป็นมาตรฐานมากขึ้นในกระบวนการผลิตและบูรณะ เพื่อให้การบูรณะมีความสมบูรณ์และมีความทนทานยาวนาน
นายพงศ์ธันว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานร่วมกันระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการและกรมศิลปากรในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์และศิลปกรรมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการวิเคราะห์วัสดุและการเลือกใช้วัสดุที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักประกันได้ว่า การบูรณะในครั้งนี้จะได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพและใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด
นางอาภาพร สินธุสาร ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชุมชน กรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่เพียงแต่ช่วยในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในวงการอนุรักษ์ ที่สามารถบูรณาการวิทยาศาสตร์กับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยการสร้างฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์อัตลักษณ์จากชุมชนทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนางานวิจัย การตรวจสอบคุณภาพ และถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ชุมชนต่างๆ
“โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญของการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม โดยการร่วมมือกันระหว่างกรมวิทยาศาสตร์บริการและกรมศิลปากรจะทำให้การอนุรักษ์และบูรณะโบราณสถานมีมาตรฐานที่สูงขึ้น สร้างความยั่งยืนให้กับมรดกทางวัฒนธรรมของไทย และส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง” นางอาภาพร กล่าว