อานนท์ เขียนเปิดผนึกถึงส.ส. ขอบคุณผลักดันนิรโทษ เชื่อย่อมมาถึงในสักวัน เมื่อเสียงมากพอ
อานนท์ เขียนจดหมายถึงส.ส. ขอบคุณผลักดันนิรโทษ มองกม.นี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดการแพ้หรือชนะ แต่บอกจุดยืนของผู้แทนราษฎรคนนั้นๆ ให้ชัดเจนขึ้นในคืนวันที่ฝุ่นตลบ เชื่อสักวันย่อมมาถึง เมื่อเสียงมากพอ
เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568เพจอานนท์ นำภา ทนายความนักสิทธิมนุษยชน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เผยแพร่“จดหมายเปิดผนึก ถึงมิตรสหายผู้แทนราษฎร” ผ่านเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้
“บางทีในคืนวันที่ฝนตกอบอวล การยืนหยัดอย่างมั่นคงอาจดีกว่าออกเดินแบบไร้ทิศทาง ”
เช้านี้เป็นอีกวันที่ผมยืนมองพระจันทร์ด้วยความคำนึงถึงหลายๆเรื่องราว พระจันทร์ที่กลมโตเหมือนไข่มุก วางนิ่งๆบนพรมสีคราม พระจันทร์ที่ไร้แสงแต่เห็นได้ชัดแม้มองจากไกลๆ เป็นพระจันทร์ของรุ่งเช้าวันหนึ่งในฤดูฝนของปีที่ 3 ที่ผมเข้ามาอยู่ในนี้ เป็นพระจันทร์ที่งดงามอย่างยิ่ง แม้ในเวลากลางวัน
การแตกเป็น 2 ขั้วระหว่างสังคมเก่ากับสังคมใหม่ มีเส้นแบ่งที่เหมือนจะชัดเจนแต่ก็หาชัดเจนไม่ ชายแดนเส้นแบ่งนั้น มีผู้คนจำนวนมากที่ดำเนินอยู่ สิ่งที่ต้องพึงระวังคืออย่าผลักให้ผู้คนเหล่านั้นไปยืนในพื้นที่ของสังคมเก่า เราต้องโอบกอดและโน้มน้าวผู้คนเหล่านั้นมายืนข้างเรา ต้องใช้เวลาและต้องให้มากพอที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ทั้งในปริมาณและอุดมการณ์ทางการเมือง
อาจบางทีพื้นที่ของสังคมเก่ากับสังคมใหม่ ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองหรือสีเสื้อเพียงอย่างเดียว หากแต่หมายถึงอุดมการณ์ทางการเมืองที่ฝังลึกอย่างแนบแน่นในความรู้สึกนึกคิดและในชีวิตประจำวันของผู้คนเหล่านั้นด้วยในคนคนเดียวอาจมีภาวะ “สวิง” ทั้งในสังคมเก่าและสังคมใหม่ ประสาอะไรกับพรรคการเมือง หรือกลุ่มคนที่มีจำนวนมากกว่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดจากปัจจัยหลายๆปัจจัยผนวกกัน
ไม่แปลกใจที่จะมี ส.ส.จำนวนหนึ่งจากพรรคเพื่อไทยที่อภิปรายและสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีการเมืองมาตรา 112 และไม่แปลกใจที่ ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งจากพรรคก้าวไกล (เดิม) บางคนจะกลับหลังหันให้การต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ในห้วงปี 2563 ที่ผ่านมา
ในคืนวันที่ฝุ่นตลบอบอวล ในหัวใจที่ฝุ่นตลบอบอวล ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การออกเดินไปข้างหน้าแบบไร้ทิศทางของมิตรสหายบางท่าน จะไม่นำไปสู่การหลงทาง และหากเป็นเช่นนั้น การหยัดยืนให้มั่นคงอาจจำเป็นและสำคัญยิ่งกว่า
พระจันทร์เช้านี้ แม้ไม่มีแสงแต่ยังมองเห็นได้ชัดเจนจากไกลๆ ผมคิดถึงถ้อยคำที่มิตรสหายท่านหนึ่งซึ่งปฎิเสธข้อเสนอของผมที่ให้แสดงจุดยืนไม่สลับขั้วการเมืองภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 มิตรสหายท่านนั้น บอกกับผมว่าจำเป็นต้องทำหน้าที่ ส.ส.ต่อไป ให้รอดูจุดยืนของเขาในเวลาทำหน้าที่ว่า จะยืนข้างสังคมเก่าหรือสังคมใหม่ และยังจำถ้อยคำของมิตรสหายอีกหลายท่าน ในวันเลี้ยงส่งผมเข้าเรือนจำว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในสภา ผมยังจดจำและเชื่อมั่นตลอดเวลา
กฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ได้ชี้วัดการแพ้หรือชนะไม่ว่ากับฝ่ายใด แต่จะบอกจุดยืนของผู้แทนราษฎรคนนั้นๆ ให้ชัดเจนขึ้นในคืนวันที่ฝุ่นตลบ การนิรโทษกรรมทางการเมืองในแง่เนื้อหามันคลี่คลายอย่างกระจ่างและชัดเจนแล้ว นอกรัฐสภาและทั่วโลก ส่วนในแง่รูปแบบที่จะปล่อย ผมและเพื่อนๆ จากความอยุติธรรมทางกฎหมาย ย่อมต้องมาถึงในสักวัน ที่เสียงของผู้แทนในสภามากพอ
ขอบคุณพี่ต๋อม เมย์ เป๋า เบนจา ปูน และคณะผู้เสนอกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ช่วยกันผลักดันจนเป็นรูปร่าง ขอบคุณมิตรสหาย ส.ส. ลูกเกดและ ส.ส. ท่านอื่นๆ ของพรรคประชาชนทุกคนที่ช่วยกันอภิปราย ขอบคุณลุงอดิศร เพียงเกษ ที่อภิปรายชวนประธานสภาทำบุญนิรโทษกรรมมาตรา 112 ในวันเข้าพรรษา และขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนการต่อสู้ของพวกเราตลอดมา
เชื่อมั่นและศรัทธา
อานนท์ นำภา
14 กรกฎาคม 2568
เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : อานนท์ เขียนเปิดผนึกถึงส.ส. ขอบคุณผลักดันนิรโทษ เชื่อย่อมมาถึงในสักวัน เมื่อเสียงมากพอ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th