โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ตาควาย "แดนสังหาร" ถอยตั้งรับ "ปรับยุทธวิธีรบ" รับมือ กัมพูชา

Thai PBS

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thai PBS

แม้ในทางยุทธวิธีทหารไทยยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถ "ควบคุม"พื้นที่รอบแนวปราสาทได้มากกว่าก่อนเกิดเหตุปะทะ และเอาคืนพื้นที่เดิมไดัอีก 11พื้นที่ แม้จะคนละด้านกับฝั่งเขมร เงื่อนไขไม่ได้มีเพียงระเบิดสังหาร PMN-2 ที่ถูกฝังไว้เท่านั้น แต่การรักษาชีวิตของ "ทหาร" กำลังพลสำคัญ นอกเหนือจากชัยภูมิรบที่เสียเปรียบจึงเป็นการยอมถอยเพื่อรอรุกคืบในวันข้างหน้า

การผลัดรุกรับตลอดแนวรบพระวิหาร จุดปะทะบริเวณปราสาทตาควาย ในช่วงแรกๆ ทำให้กองทัพต้องสูญเสียทหารหน่วยรบพิเศษจำนวน 3 นาย ไม่รวมที่ได้รับบาดเจ็บอีกไม่น้อย โดยเฉพาะ "หมวดบุ๊ค" ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร นายทหารหนุ่มเลือดน้ำเค็ม วัย 24 ปี หัวหน้าชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่กรุยทางให้ ร.31 รอ.นำกำลังบุกเข้ายึดพื้นที่ได้สำเร็จ แม้เจ้าตัวจะพลาดเหยียบกับระเบิดจนสูญเสียขาขวาก็ตาม

"ถ้าผมไม่เข้าลูกน้องเขาก็ไม่ตามเราอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำมันก็ไม่สำเร็จ" หมวดบุ๊ค กล่าวช่วงหนึ่งกับ พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึกที่เข้าเยี่ยมที่โรงพยาบาล

สำหรับหมวดบุ๊ค หรือ ร.ต.เกียรติวงศ์ ถือเป็นทหารหนุ่มที่มีอนาคตไกลของกองทัพและหน่วยรบพิเศษ เนื่องจากจบหลักสูตรรบพิเศษ "ซีล" SEAL รุ่นที่ 53 ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการและเพิ่งได้รับเครื่องหมายจบหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ก่อนจะก้าวขึ้นสู่สมรภูมิรบที่ปราสาทตาควายในเดือนถัดมา

ท่ามกลางข้อกังขาว่า เหตุใดกองทัพไทยจึงไม่สามารถยึดปราสาทตาควายได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้จะมีหน่วยรบพิเศษเข้าไปวางกำลังปฏิบัติการในพื้นที่ร่วมกับกำลังรบสนับสนุนทางอากาศมีการปล่อยระเบิดขนาด 50 ปอนด์ หลายเที่ยวบินจากฝูงบิน F-16 และกริพเพน

มีการวิเคราะห์ข้อมูลจากหน่วยงานทางด้านความมั่นคงว่า กัมพูชา ไม่เคยล้มเลิกที่จะเอาคืนทหารไทย หลังจากรบแพ้เมื่อปี 2554 โดยมีการใช้เวลาเตรียมการณ์ทั้งอาวุธและกำลังทหารเพื่อเข้าประชิด 11 แนวรบเขาพระวิหารมานานถึง 15 ปี

และหากย้อนเหตุการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นเมื่อปี 2551 สมัยรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" โดยมีการปะทะต่อเนื่องมาถึงปี 2554 บริเวณชายแดนเขาพระวิหารและเปิดสมรภูมิรบเต็มรูปแบบที่ "ปราสาทตาควาย-ตาเมือนธม" ด้านจ.สุรินทร์ และศีรษะเกษด้วยการยิงปืนใหญ่เข้ามา

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนั้น มีทหารไทยเสียชีวิต 16 นาย และมีทหารเขมรซึ่งอยู่ภายใต้การนำของ "ฮุน มาเนต" ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นตายมากกว่า 2,000 คน

และในปี 2568 หลังเปิดสมรภูมิรบตลอดแนวรบพระวิหารฝั่งกัมพูชา ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย แต่สื่อเวียดนาม รายงานว่า กัมพูชามีทหารเสียชีวิตมากว่า 6,000 นาย และศพที่ส่งกลิ่นบริเวณชายแดนไทยคงให้คำตอบได้ว่ากองทัพกัมพูชาสูญเสียกำลังพลมากน้อยเพียงใด ขณะที่ทหารไทยพลีชีพไปแล้ว 15 นายและได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนไม่น้อย

ขั้นตอนในการเตรียมการณ์ของฝั่งกัมพูชา ไม่ได้มีเพียงการตีเนียนส่งนักท่องเที่ยวกัมพูชาเข้ามาร้องเพลง ยั่วยุ หรือการผลักอก นำอาวุธออกมาโขว์พาวเพื่อต้องการให้ทหารไทยโต้กลับ แต่ก่อนหน้านั้นได้ขนกำลังเข้ามาจ่ออยู่ในพื้นที่ที่มีความได้เปรียบทางด้านชัยภูมิที่เอื้อให้กับกัมพูชาบริเวณเนิน350สู้ข่ม

มีรายงานระบุว่าทหารไทยไม่สามารถเข้าไปที่ปราสาทตาควายได้ขณะที่มีเหตุการณ์ปะทะ เนื่องจากมีทหารกัมพูชาอยู่ในตัวปราสาท แม้กองทัพอากาศจะนำระเบิดน้ำหนัก 500 ปอนด์จากเคครื่องบิน F-16 ไปหย่อนลง แต่หลังจากทิ้งเสร็จแล้วกลับออกมา ทหารเขมรก็โผล่ออกมาจากจุดที่ตั้งและใช้ความได้เปรียบตอบโต้ทหารไทย

ขณะเดียวกันยังมีการฝังกับระเบิดบริเวณรอบตัวปราสาทตาควาย ดังนั้นการปะทะตั้งแต่วันที่ 23-25 ก.ค.2568 จึงมีการชิงความได้เปรียบและเสียเปรียบในพื้นที่ โดยเฉพาะการเข้าไปยึดจุดสูงข่มเนิน 350 และยังพบข้อมูลสำคัญอีกว่า ทหารกัมพูชาได้เข้าไปขุดอุโมงค์คอนกรีตอยู่ด้านในตัวปราสาทอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ทหารทั้งไทยและกัมพูชาต่างจะพยายามชิงความได้เปรียบในพื้นที่ตีคืนให้ได้ก่อนจะหยุดยิงในเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. แต่ด้วยปัญหาดังกล่าวจึงยากที่จะเข้าไปเพราะทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังและอาวุธเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังเครื่องบินหย่อนระเบิดไปแล้ว กัมพูชาก็ใช้ขว้างระเบิดใส่ทหารไทย

มีการประเมินสถานการณ์สู้รบในจุดที่กัมพูชาต้องการพื้นที่ นอกจากปราสาทตาควายและช่องอานม้า ภูมะเขือที่พบว่ากัมพูชาได้เสริมกำลังทหารเข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้ว ทางกองทัพไทยก็ต้องตรึงกำลังตลอดแนวที่ได้พื้นที่คืนทั้งหมด ซึ่งเป็นที่พื้นที่ใหม่ 7 จุดและอีก 4 จุดล่อแหลมที่เขมรล้ำเข้ามาเมื่อปี 2554 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีและจำเป็นมีมาตรการป้องกันในระยะยาว ทั้งอาวุธยุทธโธปกรณ์และกำลังพลที่พร้อมรบ

สำหรับพื้นที่ตาควาย ขณะนี้ทางการไทยไม่ได้เสียเปรียบและยุทธวิธีทางทหาร ต้องมีการรุก ตั้งรับและถอย การถอยไม่ได้ความว่าแพ้ แต่มีการเตรียมการปรับแผนและกลยุทธ์ทุกด้านที่ "แดนสังหาร" ปราสาทตาควายหากจะยึด วิธีเดียวคงต้องใช้ "ระเบิดเจาะเกราะ" ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มี เนื่องจากไม่เคยคิดจะเข้าไปรุกรานประเทศใด

อ่านข่าว

ยอด "นักมวย"สู่ "นักรบ" ถือปืน สวมลายพราง "ชายแดนไทย-เขมร"

แนวรบชิง "ปราสาทตาควาย" เขมรปั่นกระแส "สงครามไซเบอร์"

“โดรน” กลยุทธ์เทคโนโลยี ส่งตรงเป้าหมาย “พื้นที่เสี่ยง” ต้องระวัง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thai PBS

โคลนไหลท่วมหมู่บ้าน "รัฐอุตตราขัณฑ์" อินเดีย สูญหายกว่า 100 คน

25 นาทีที่แล้ว

ไทยพีบีเอส รับรางวัล "The Hero" ผู้ปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า

25 นาทีที่แล้ว
วิดีโอ

ครม.อนุมัติซื้อ "กริพเพน-เรือดำน้ำ" 25,000 ล้านบาท

31 นาทีที่แล้ว

ไฟป่าระอุทั่วโลก ฝรั่งเศส-สเปน-สหรัฐฯ เผาผลาญพื้นที่กว่าแสนไร่

53 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าว การเมือง อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ความคิดเห็นมากที่สุด

ดูเพิ่ม