สหรัฐฯ ลดงบพยากรณ์ แต่พายุไม่ลดความรุนแรงตาม ความสามารถในการเตือนภัยลดลง
เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันในรัฐเท็กซัสเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 80 ราย กำลังสะท้อนถึงภัยคุกคามจากสภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงขึ้นอันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อน ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ กำลังลดทอนขีดความสามารถของหน่วยงานสำคัญที่มีบทบาทในการเตรียมรับมือภัยพิบัติ เช่น องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ (NWS)
แม้หน่วยงานพยากรณ์อากาศจะออกคำเตือนล่วงหน้าแล้วหลายฉบับ แต่ความเสียหายจากฝนที่ตกหนักเฉพาะจุดและรุนแรงมากยังเกิดขึ้น โดยแม่น้ำกัวดาลูเป (Guadalupe River) เพิ่มระดับขึ้นถึง 26 ฟุตภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ท่ามกลางข้อกังขาเกี่ยวกับการรับมือของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่มีบุคลากรไม่เพียงพอ ทั้งยังขาดผู้เชี่ยวชาญในตำแหน่งสำคัญ เช่น นักอุทกวิทยาและผู้ประสานงานคำเตือน
สถานการณ์ยิ่งน่ากังวล เมื่อพบว่าในปี 2024 มีนักวิทยาศาสตร์และนักพยากรณ์อากาศกว่า 600 คนลาออกหรือถูกเลิกจ้างจาก NOAA และรัฐบาลยังมีแผนลดงบประมาณมากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และตัดพนักงานเพิ่มอีก 17% ในปีงบประมาณ 2026 ขณะเดียวกันก็มีการปิดเว็บไซต์และฐานข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญ รวมถึงฐานข้อมูลภัยพิบัติที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ ซึ่งเคยช่วยติดตามและวิเคราะห์ภัยพิบัติขนาดใหญ่
นอกจากนั้น งบประมาณสำหรับการพัฒนาแบบจำลองพายุฝนฟ้าคะนองความละเอียดสูง และโครงการวิจัยด้านการเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งเคยได้รับการสนับสนุนจาก NOAA ก็กำลังถูกตัดทอนถึง 74% หรืออาจถึงขั้นถูกยุบ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเตือนว่า การลดงบในช่วงที่โลกร้อนขึ้นและพายุรุนแรงถี่ขึ้นนั้น เปรียบได้กับ “สูตรแห่งหายนะ” ประเด็นนี้ยังเชื่อมโยงกับนโยบายพลังงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่หันกลับไปสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกร้อนมากขึ้น
ในรัฐอื่นๆ อย่างฟลอริดาและแคลิฟอร์เนีย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเผชิญกับความยากลำบากจากการลดความสามารถในการพยากรณ์พายุเฮอร์ริเคน และการลดจำนวนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าเช่นกัน ทั้งนี้ยังมีรายงานว่ารัฐบาลแสดงความสนใจที่จะยุบ FEMA (หน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ) ภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
ในช่วงที่ภัยพิบัติจากสภาพอากาศมีแนวโน้มรุนแรงและเกิดบ่อยขึ้นอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้รัฐบาลฟื้นคืนการสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และระบบเตือนภัยที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องชีวิตประชาชนจากภัยที่อาจกลายเป็นโศกนาฏกรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง