นักวิเคราะห์เตือน “เหรียญเก่า ยังมีผลต่อตลาด” หลังวาฬยุคซาโตชิ โอน 81,000 Bitcoin อายุ 14 ปี
นักวิเคราะห์เตือน “เหรียญเก่า ยังมีผลต่อตลาด” หลังวาฬยุคซาโตชิ โอน 81,000 Bitcoin อายุ 14 ปี
ตลาดคริปโตสะเทือนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2025 หลังวาฬ Bitcoin รายหนึ่งที่ถือเหรียญมาตั้งแต่ปี 2011 ได้กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยมีการย้ายเหรียญ BTC จำนวนมากถึง 81,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8.8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 320,000 ล้านบาท
นี่ถือเป็นการโอน Bitcoin อายุเกิน 10 ปีที่มากที่สุดภายในวันเดียว ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในหมู่นักลงทุนคริปโตอย่างมาก โดยนักวิเคราะห์ชื่อดังได้ออกมาอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า “เหรียญเก่า ยังมีผลต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ”
ทำไม “Bitcoin เก่า” ถึงยังมีอิทธิพล?
นักวิเคราะห์นามแฝง Darkfost จากแพลตฟอร์ม CryptoQuant ได้โพสต์วิเคราะห์สถานการณ์ผ่านฟีเจอร์ Quicktake โดยอ้างอิงข้อมูลจากตัวชี้วัด UTXO Age Bands % ซึ่งแสดงอายุของเหรียญ Bitcoin ทั้งหมดในระบบ แยกตามระยะเวลาการถือครอง
- เหรียญที่ถูกเคลื่อนไหวเมื่อวันศุกร์นั้น ถูกขุดตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งตอนนั้น BTC มีราคาไม่ถึง 1 ดอลลาร์
- นักวิเคราะห์ระบุว่า กลุ่มผู้ขุดจากยุคนั้นยังถือ BTC ปริมาณมหาศาล และยังสามารถส่งผลต่อทิศทางตลาดได้
- จากข้อมูลของ CryptoQuant กลุ่มผู้ถือ BTC เกิน 10 ปี (10+ Year Age Band) คิดเป็น 17% ของเหรียญทั้งหมดในระบบ ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มอายุเหรียญ
- รองลงมาคือ กลุ่มที่ถือเหรียญมาแล้ว 6–12 เดือน (15.8%) และกลุ่ม 3–5 ปี (14.3%)
สัญญาณจากผู้ถือระยะยาว (LTH) ยังแข็งแกร่ง
Darkfost ชี้ให้เห็นว่าผู้ถือ BTC รายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในช่วง 6–12 เดือนที่ผ่านมา ยังคง “HODL” เหรียญของตนอยู่ แม้จะเจอกับภาวะตลาดที่ผันผวน นั่นสะท้อนว่าตลาดยังมีแรงเชื่อมั่นจากนักลงทุนระยะยาวอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือ BTC ระหว่าง 7–10 ปี ก็ยังมีสัดส่วนเหรียญจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงพลังของกลุ่ม Long-Term Holders (LTH) ที่ยังไม่ขาย แม้เหรียญจะเติบโตจากมูลค่าไม่ถึง $1 มาสู่หลักแสนในปัจจุบัน
ราคา Bitcoin ยังทรงตัว แม้มีการโอนเหรียญขนาดใหญ่
แม้ว่าจะมีการย้ายเหรียญจำนวนมากจากวาฬรายเก่า แต่ราคาของ Bitcoin ยังคงทรงตัว โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า BTC มีมูลค่าอยู่ที่ $108,135 โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า
นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าเจ้าของเหรียญได้ทำการ “ขาย” ออกในตลาด ซึ่งอาจบ่งบอกว่าเป็นเพียงการย้ายเหรียญเพื่อจัดเก็บใหม่ หรือเตรียมวางแผนในระยะยาว
บทสรุป: วาฬเก่ากลับมา ตลาดต้องจับตา
เหตุการณ์นี้ย้ำให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของเหรียญ Bitcoin จากยุคต้นๆ ยังมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดได้อย่างมาก เพราะเหรียญเหล่านั้นถือครองโดยกลุ่มที่มี BTC จำนวนมาก และสามารถเปลี่ยนแนวโน้มตลาดได้ทันทีหากมีการขายออก
การวิเคราะห์แบบ On-chain โดยใช้ UTXO Age Bands ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าใจพฤติกรรมผู้ถือเหรียญในแต่ละกลุ่ม และประเมินแรงกดดันหรือแรงหนุนในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
อ้างอิง : bitcoinist.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitcoin-whale-2011-wallet-moves-81000btc
CZ สงสัย! โครงการขอ Golden Visa ผ่านการ Stake TON ข่าวจริงหรือปั่น?
อดีตซีอีโอ Binance อย่าง Changpeng “CZ” Zhao ได้ออกมาตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของโครงการใหม่จาก The Open Network (TON) ที่อ้างว่าสามารถขอวีซ่าทองคำ (Golden Visa) ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้ หากผู้สมัครทำการ Stake เหรียญ Toncoin (TON) มูลค่าอย่างน้อย 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นเวลา 3 ปี พร้อมจ่ายค่าดำเนินการเพิ่มอีก 35,000 ดอลลาร์ โดยระบุว่าสามารถดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 7 สัปดาห์
แต่ CZ แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ผ่านโพสต์บน X (Twitter) ว่า:
“เรื่องนี้จริงหรือเปล่า? ถ้าจริงก็คงเยี่ยมมาก แต่ตอนนี้ข้อมูลที่ได้รับยังขัดแย้งกันอยู่”
“ไม่มีเว็บไซต์รัฐบาลไหนประกาศเรื่อง Stake TON แลก Golden Visa เลย”
แม้จะมีโพสต์ยืนยันจากซีอีโอ Telegram อย่างPavel Durov ซึ่งแชร์โพสต์ของอินฟลูเอนเซอร์ Ash Crypto แต่ CZ ก็ยังแสดงจุดยืนว่า “ไว้ใจได้ แต่ต้องตรวจสอบก่อน (Trust but verify)”
ราคา TON พุ่งทันทีหลังข่าว แม้ยังไม่มีแหล่งข้อมูลจากรัฐบาล
หลังการประกาศดังกล่าว ราคาของเหรียญ Toncoin (TON) พุ่งขึ้นทันทีมากกว่า 11% ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap แม้จะยังไม่มีการยืนยันจากหน่วยงานทางการของ UAE เช่น Ras Al Khaimah Emirate DAO, Securities and Commodities Authority, Virtual Asset Regulatory Authority หรือ Abu Dhabi Global Market Authority
TON อ้างว่าโครงการนี้ดำเนินการโดย "พันธมิตรผู้ให้บริการวีซ่า" ภายนอก โดยจะเป็นผู้ตรวจสอบและดูแลขั้นตอนการขอ Golden Visa
UAE กับบทบาทศูนย์กลางคริปโตระดับโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านการยอมรับคริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อ Web3 และ DeFi โดยเฉพาะดูไบที่เปิดตัวโครงการ Tokenized Real Estate และเขตเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า Machine Economy Free Zone ซึ่งผลักดันการรวมระหว่าง AI, หุ่นยนต์ และบล็อกเชน
ทั้งนี้ CZ เองก็ได้รับ Golden Visa จาก UAE แล้วในอดีต และเคยเข้าร่วมงาน Token2049 ที่จัดในดูไบ ทำให้เขาคุ้นเคยกับกระบวนการขอวีซ่าในประเทศนี้
ยังต้องรอตรวจสอบเพิ่มเติม
แม้โครงการ Stake TON แลก Golden Visa จะสร้างกระแสฮือฮาในวงการคริปโต แต่หลายฝ่ายยังคงรอดูความชัดเจน โดยเฉพาะการยืนยันจากรัฐบาล UAE ว่าโครงการนี้เป็นทางการหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดในระยะยาว
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/cz-questions-toncoin-golden-visa-uae
Vitalik เสนอจำกัด Gas ต่อธุรกรรมใน Ethereum ด้วย EIP-7983 หวังลดความเสี่ยงโดนโจมตี
Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และนักวิจัย Toni Wahrstätter ได้เสนอร่าง EIP-7983 เพื่อวาง “เพดานการใช้ Gas” ในระดับโปรโตคอลสำหรับแต่ละธุรกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของเครือข่าย Ethereum และทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมคาดเดาได้มากขึ้น
ข้อเสนอนี้ระบุว่า แต่ละธุรกรรมในเครือข่าย Ethereum จะไม่สามารถใช้ Gas เกิน 16.77 ล้านหน่วย (หรือ 2²⁴) ได้ โดย Vitalik มองว่าการจำกัด Gas ต่อธุรกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ DoS (Denial-of-Service) ที่ผู้ไม่หวังดีอาจใช้ธุรกรรมใหญ่ ๆ มาทำให้ระบบล่ม หรือส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย
ทำไมต้องจำกัดการใช้ Gas?
ในโครงสร้างปัจจุบัน ธุรกรรมหนึ่งสามารถใช้ Gas ได้มากเท่ากับขีดจำกัดของทั้งบล็อก (Block Gas Limit) ซึ่งหากถูกใช้โดยเจตนาร้าย ก็อาจทำให้เกิดความล่าช้าอย่างมาก หรือแม้กระทั่งทำให้ระบบล่มได้ การกำหนดเพดานนี้จะช่วยกระจายภาระของ Gas อย่างทั่วถึง และลดความเสี่ยงที่ธุรกรรมเดียวจะทำให้บล็อกทั้งบล็อกแออัด
ช่วยให้ zkVM ทำงานดีขึ้น
ข้อเสนอ EIP-7983 ยังถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเพิ่มความเข้ากันได้กับระบบ Zero-Knowledge Virtual Machines (zkVMs) ซึ่งมักจะมีธุรกรรมขนาดใหญ่ การกำหนดเพดาน Gas นี้จะทำให้ผู้พัฒนาต้องแบ่งธุรกรรมใหญ่ให้เล็กลง เป็นผลดีต่อความลื่นไหลของระบบในอนาคต
ขีดจำกัดที่เลือกไว้: 16.77 ล้าน หน่วย
เหตุผลที่เลือกตัวเลขนี้เพราะเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบัน ทั้งการ Deploy Smart Contract และการใช้งานในโปรโตคอล DeFi โดยจะปฏิเสธธุรกรรมที่ตั้งค่า Gas limit เกิน 16.77 ล้านตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจสอบบล็อก (Block validation) และไม่ยอมให้เข้าสู่ระบบเลย
ถึงแม้ข้อเสนอนี้จะไม่รองรับธุรกรรมเก่าที่เคยใช้ Gas มากกว่า 16.77 ล้านหน่วย แต่จากข้อมูลพบว่าธุรกรรมส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้ Gas ต่ำกว่าตัวเลขนี้อยู่แล้ว จึงแทบไม่กระทบผู้ใช้งาน
เสริมแนวคิด “Ethereum ที่เรียบง่าย” แบบ Vitalik
Vitalik เคยออกมาเสนอให้ปรับโครงสร้าง Ethereum ให้ “เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ” มากขึ้น เหมือนแนวทางของ Bitcoin โดยลดความซับซ้อนของ Layer หลักเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และพัฒนาต่อได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้เขายังเพิ่งเสนอแนวคิด “Pluralistic Identity” หรือระบบยืนยันตัวตนแบบกระจายอำนาจ ที่สามารถรักษาความเป็นส่วนตัว และเปิดโอกาสให้ผู้คนมีสิทธิเข้าร่วมโลกดิจิทัลอย่างเท่าเทียม
อ้างอิง : cointelegraph.com
ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/ethereum-gas-limit-eip7983-vitalik
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้