โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิงเอเชียน

SeoulStation : เปิดเปลือกส้มผู้กำกับศิลป์ ‘รยูซองฮี’ ปาฏิหาริย์โลกซีรีส์-ภาพยนตร์เกาหลี

เดลินิวส์

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
SeoulStation Exclusive : เปิดเปลือกส้มผู้กำกับศิลป์ “รยูซองฮี” ผู้สร้างปาฏิหาริย์แห่งโลกซีรีส์-ภาพยนตร์เกาหลี เล่าความทุ่มเท-แรงบันดาลใจการทำงาน เผยความสำเร็จ “ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน”

สวัสดีแฟนๆ“บันเทิงเดลินิวส์” ที่น่ารักทุกคน แวะมาพบกับ “นูน่าเมี้ยน” เป็นประจำทุกสัปดาห์เลย กับพื้นที่ที่ขนเอาเรื่องราวข่าวสารความพิเศษของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง และไอดอลเกาหลี มาอัปเดตให้ทุกคนได้เขามาอ่านอย่างคอมลัมน์ “SeoulStation” โดยสัปดาห์นี้นูน่าก็ยังคงมีความพิเศษมาฝากแฟนๆ ทุกคนอีกเช่นเคย หลังจากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน“เสวนาพิเศษกับผู้กำกับศิลป์” ภายใต้นิทรรศการ “Production Design: Scene Architects Build On-Screen World” จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี ซึ่งผู้ที่ได้เข้าร่วมเสวนาพิเศษในครั้งนี้ คือ “รยูซองฮี” (Ryu Seong Hee) ผู้กำกับศิลป์ภาพยนตร์และซีรีส์เกาหลี เธอได้ฝากฝีมือไว้กับผลงานอันโด่งดังมาแล้วมากมาย และหากเอ่ยชื่อผลงานขึ้นมา คอซีรีส์จำนวนไม่น้อยจะต้องร้องอ๋อขึ้นมาทันทีแน่นอน

รยูซองฮี” เธอเป็นผู้กำกับศิลป์ภาพยนตร์และซีรีส์เกาหลีชาวเกาหลีคนแรกที่ได้รับรางวัล The Vulcan Award of the Technical Artist” จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ เมืองคานส์ ในปี 2016 จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง The Handmaiden” อีกทั้งยังมีผลงานมากมายที่ได้รับการออกแบบงานสร้างอย่างมีเอกลักษณ์และได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องWhen Life Gives You Tangerines” หรือที่รู้สึกในชื่อภาษาไทยว่า“ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน”, “Decision to Leave”, “Mask Girl” และ Ode to My Father”

และงานนี้ “นูน่าเมี้ยน” ก็มีโอกาสพูดคุยสุดพิเศษกับ “รยูซองฮี” เกี่ยวกับบทบาทของการเป็นผู้กำกับศิลป์ รวมถึงเรื่องราวระหว่างการออกแบบงานสร้างซีรีส์เรื่องWhen Life Gives You Tangerines” ที่เพิ่งจะคว้ารางวัลแดซังจากงานประกาศรางวัลBlue Dragon Series Awards” ครั้งที่ 4 พร้อมกับได้พูดคุยถึงการทำงานและมุมมองของตนเอง พร้อมยอมรับว่าดีใจที่ได้ส่งผ่านงานศิลป์ไปถึงผู้ชมและทำให้ผู้ชมชื่นชอบไปทั่วเอเชีย

เดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ รู้สึกอย่างไร?

รยูซองฮี : “ความคิดที่อยากจะพบแฟนไทยมีอยู่ในใจมาตลอด แน่นอนอยู่แล้วที่ทุกคนที่ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีในประเทศไทยทำงานหนักเพื่อเผยแพร่ชิ้นงานของหนังหรือซีรีส์เกาหลี ซึ่งฉันเคยมาประเทศไทยตอนถ่ายทำซีรีส์เรื่องหนึ่ง โดยถ่ายทำกับสตาฟฟ์ไทยด้วยกัน เมื่อ 30 ปีที่แล้วตอนที่สหรัฐอเมริกา ไม่มีหนังเกาหลีอยู่ ก็มีเพื่อนเจอที่โน้นเป็นคนไทย ด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ ประเทศไทยไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉัน ก็ขอบคุณแฟนๆทุกท่านที่รักภาพยนตร์เกาหลีนะคะ”

ในซีรีส์ “ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน” คุณชื่นชอบขนาดไหน?

รยูซองฮี : “ฉันชอบทุกตอนและทุกอีพีของซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนที่ได้รับบทครั้งแรก อ่านสคริปต์อยู่ก็ชอบที่เขาแยกไว้เป็นซีน 4 ฤดู ที่ได้ชมกันในซีรีส์บ้านที่แอซุน(นางเอก) ทะเลาะกับแม่ เป็นบ้านที่เขาเกิดที่นี่ โตที่นี่ พอแต่งงานแล้วก็คลอดลูกที่นี่ด้วย เป็นบ้านเดียวกัน แต่ว่าสีก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สีครึ้มๆไป พอแต่งงานแล้วมีความสุขสีก็สว่างขึ้นๆ ก็อยากให้ดูความแตกต่างจุดนี้”

ตอนที่คุณได้รับเสนอการทำงานในเรื่องนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง?

รยูซองฮี : “เรื่องนี้อ่านไปเรื่อยๆ พออ่านถึงตอนที่ 5 ร้องไห้ใหญ่เลย ร้องไห้มากที่สุด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนธรรมดามาก แล้วตัวเราไม่เคยผ่านจุดนี้ แต่มันถึงใจเลยก็เลยทำให้มีการตัดสินใจว่า ต้องทำให้มันดีที่สุดให้หลายๆคนได้ชมด้วยกัน ฉันค่อนข้างแปลกใจและดีใจด้วยที่แถวเอเชียคนชอบเรื่องนี้เยอะมาก และดีใจที่ความรู้สึกในการทำงานของซีรีส์เรื่องนี้ได้แชร์ผ่านความรู้สึกถึงแฟนๆ ด้วย อย่างที่บอกเรื่องนี้เราแบ่งโซนการทำเป็น 4 ฤดู มีความรู้สึกตามฤดูกาลตอนนั้นก็จดไว้ มันเป็นความรู้สึกแรกที่แรงมากๆ ในการทำงาน มีพลังในการทำ”

การนำเสนอในเรื่องทำยังไงให้ดูสมจริงมากที่สุด?

รยูซองฮี : “การทำงานในส่วนของอดีตนี้ ดิฉันเรียกว่าจินตนาการเชิงโบราณคดี เพราะว่าเป็นสมัยเก่าและมีการค้นหาข้อมูลอย่างมากมาย ไม่ใช่แค่งานศิลป์อย่างเดียว แต่ต้องดูแบล็กกราวด์ และสัมภาษณ์คนที่เคยอยู่แถวนั้นด้วย เราก็พยายามสร้างตามนั้น แต่ไม่ได้ตามนั้น 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราต้องใช้สายตาของคนนั้นเพื่อสร้างโลกใหม่สำหรับสมัยนั้นด้วย จริงๆ แล้วสมัยอดีตในเรื่องนี้เป็นสมัยนี้ที่เกาหลีค่อยข้างยากจน และตอนนั้นไม่ได้เป็นช่วงที่มืดมนอย่างเดียว เราก็มีความสุข นานๆ ทีใครได้ซื้อเคสกล่องดินสออันเดียวก็ดีใจเหมือนซินเดอเรลล่าได้รองเท้าแก้วแล้ว ก็พยายามจะหาความรู้สึก บวกกับความจริงในสมัยนั้น เพื่อที่จะสร้างฉาก และอาศัยความรู้สึก ความจริงของคนสร้างมากกว่า”

ซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เกาะเชจู แต่ซีนในเรื่องไม่ได้ถ่ายทำที่เกาะเชจู แต่เป็นการสร้างเป็นการเซ็ตฉากทั้งหมดเพื่อทำเป็นซีรีส์ อยากให้เล่าถึงกระบวนการออกแบบฉากในเรื่องนี้สักหน่อย?

รยูซองฮี : “เรื่องนี้เป็นซีรีส์เรื่องที่เรียกว่าขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยทำมา แต่หลายคนไม่เชื่อ เพราะคิดว่าเรื่องอื่นใหญ่กว่า แต่เรื่องนี้ใหญ่กว่าแน่นอนและต้องเตรียมงานไว้เยอะมาก แต่ถ้าเราไปเกาะเชจูตอนนี้ ไม่มีจุดถ่ายทำส่วนนี้นะคะ มีแต่ร้านกาแฟสวยๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกันหมดแล้ว ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทำยังไง เราเลยหาพื้นที่ ที่เมืองชื่อว่า อันดง เป็นเมืองที่เรียบเลย ไม่มีภูเขา เราเลยเอาดินมาถมที่ ให้เป็นภูมิประเทศที่คล้ายกับเกาะเชจู เอาดินมาถมไว้เป็นหลายร้อยตัน เพื่อให้เป็นเกาะเชจู ในฉากต่างๆนอกจากทะเลคลื่นแรง นอกนั้นเราสร้างเองหมดเลย ถ้ามันเป็นพื้นที่ภูเขา เราจะตัดภูเขาลงมาให้มันง่ายกว่า แต่นี่เป็นพื้นที่เรียบ ก็เทดินลงไป และที่บ้านของแอซุนอาศัยอยู่สูงสุดเพราะเป็นคนที่ยากจนที่สุดในหมู่บ้าน แล้วตรงนี้ชันกว่า และสูงกว่าก็มีหลายที่ ถ้าดูอีกรอบทุกมุมไม่ได้เรียบ บางมุมสูงกว่า บางมุมเตี้ยกว่าและชันกว่า และเรื่องถัดไปเป็นเรื่องปวดหัวพอสมควร ก็คือที่เกาะเชจูมีหินชนิดหนึ่งที่แตกต่างจากทุกที่อยู่แต่เราไม่สามารถเอามาประกอบฉากได้เพราะรัฐบาลห้าม เราเลยไปเอาหินจากเวียดนาม และที่อื่นมาผสมไป คือหินก็สีดำ ถนนก็สีดำ ที่เราทำไม่พอ ก็พ่นสีดำเอาเลย ที่เหลือที่เคยทำไม่ยาก พอมาเจอเรื่องนี้ สองจุดนี้ที่ยากมากๆ”

สิ่งที่ยึดเหนี่ยวในการทำงานของคุณคืออะไร?

รยูซองฮี : “ทุกอย่างไม่มีของฟรี ถ้าเราทุ่มเททุกอย่างจะมีพลังเกิดขึ้น ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น และความรู้สึกก็จะเกิดขึ้นตามด้วย และผลงานเรื่องนี้ก็ยอมรับว่าเป็นผลงานที่ใส่ใจมากกว่าเรื่องอื่น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนทั่วไป คนธรรมดา ในโลกนี้คนฉลาด คนรวย คนธรรมดาจริงๆ อาจจะเป็นน้องเราพ่อเราแม่เรา และหลายคนก็ชื่นชมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ฉันก็พยายามหาความหมายที่จะทำหนังหรือซีรีส์มากขึ้น และความพยายามนี้อาจจะทำให้เข้าไปถึงใจของผู้ชมด้วย ก็ขอบคุณมากๆ ค่ะ”

บอกได้เลยว่าบทสัมภาษณ์นี้เผยให้เห็นถึง “ความทุ่มเทอย่างแรงกล้า” ของ “รยูซองฮี” ในฐานะผู้กำกับศิลป์ ไม่ใช่เพียงแค่ในผลงานล่าสุดอย่าง “ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน” เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลงานอันโดดเด่นอื่น ๆ อีกมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันหลากหลาย และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเธอในการสร้างสรรค์โลกภาพยนตร์ที่สมจริงและเปี่ยมด้วยรายละเอียด เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความใส่ใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่การค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกในอดีตไปจนถึงการสร้างฉากขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วยความพยายามและเทคนิคอันซับซ้อน สามารถเปลี่ยนเรื่องราวธรรมดาให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ตราตรึงใจผู้ชมได้ ความสำเร็จเหล่านี้ตอกย้ำปรัชญาการทำงานของเธอที่ว่า “ไม่มีของฟรี ถ้าเราทุ่มเททุกอย่างจะมีพลังเกิดขึ้น ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น” ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เธอสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง!.

คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

‘อาการเวียนหัว’สาเหตุเกิดจากอะไร หายากินเองได้ไหม?

46 นาทีที่แล้ว

ทั่วไทย ‘ฝนน้อย’ ร้อยละ 20-40 อันดามันคลื่นสูง 1-2 เมตร

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เดลินิวส์ 3 ส.ค.สั่งยิงโดรนทุกลำที่รุกล้ำ ภัยคุกคามร้ายแรง บินสำรวจสอดแนมฐาน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“อั๋น ภูวนาท” โต้กระแสแชร์ภาพ “ฮุนเซน-มาลี” จวกคนไทยทำลายความน่าเชื่อถือประเทศ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความบันเทิงเอเชียนอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘หมอเพียรศักดิ์’ ซัด ‘เท้ง’ กล่าวหารพ.ไม่รับผู้ป่วยเขมร ลั่น ‘คนไม่ยืนตรงกลางย่อมเป็นผู้นำไม่ได้’

เดลินิวส์

ผู้ว่าฯ เมืองคอนสั่งปลด “นายก อบต.นาโพธิ์” หลัง ป.ป.ช. ชี้มูลทุจริตโครงการปรับปรุงสำนักงาน

เดลินิวส์

‘กลัฟ’ เคลียร์ปมซีนหวาน ‘ไบร์ท-เนเน่’ เผยความจริงสลับที่จนดราม่า ลั่นไม่ซีเรียส!

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...