ธปท. เกาะติดภาษีสหรัฐ-กัมพูชา ชี้เศรษฐกิจครึ่งหลังเสี่ยงชะลอ
ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังของปี’68 มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่ม ชี้รอติดตามผลภาษีสหรัฐ-พัฒนาการความขัดแย้งกัมพูชาและน้ำท่วม หลังตัวเลขครึ่งปีแรกออกมาตามคาด อานิสงส์ภาคการส่งออกขยายตัว คาดประเมินตัวเลขจีดีพีเดือน ต.ค.นี้ ชี้มองจีดีพีโต 2.3% ภายใต้ภาษี 18% กดภาคส่งออก-ท่องเที่ยวชะลอตัว มองดอกเบี้ย 1.75% ระดับเหมาะสม-มีความยืดหยุ่นรองรับสถานการณ์ได้
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มองว่ายังไม่ได้ผิดไปจากประมาณการที่ ธปท.ให้ไว้ โดยในไตรมาสที่ 1/2568 ขยายตัวได้ 3.1% และในไตรมาสที่ 2/2568 ขยายตัวใกล้เคียง 3% ส่งผลให้ตัวเลข 2 ไตรมาสที่ออกมาเฉลี่ยขยายตัว 3% ซึ่งสะท้อนตามข้อมูลจริงที่ออกมาจากภาคการส่งออกและภาคการผลิตขยายตัวดี
อย่างไรก็ดี มองไปในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2568 มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น นอกจากนโยบายภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) ทั้งในเรื่องของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และปัญหาน้ำท่วมภาคเหนือ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องติดตามพัฒนาการประเด็นความเสี่ยงเหล่านี้ โดย ธปท.จะมีการทบทวนประมาณการเติบโตจีดีพีภายในเดือนตุลาคม 2568
ทั้งนี้ ภายใต้อัตราการเติบโตจีดีพีปี 2568 อยู่ที่ 2.3% ธปท.วางสมมติฐานภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) อยู่ที่อัตรา 18% ซึ่งต้องรอติดตามตัวเลขที่จะออกมา หากดูประเทศใหญ่ ๆ ออกมาเฉลี่ย 15% ประเทศพัฒนาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 20% บวกลบ โดยหวังว่าไทยจะไม่หนีจากเพื่อนหรือคู้ค้ามากจะเป็นเรื่องที่ดี เช่น จีนที่จะออกมาในอัตราเท่าไร และผลกระทบต่อเซ็กเตอร์ที่มีการส่งออกไปสหรัฐสูง รวมถึงความสัมพันธ์ทางด้านการค้าที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องประเมิน รวมถึงความเสี่ยงเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นในระยะข้างหน้า
ดังนั้น ภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ธปท.มองว่าภาคการส่งออกในไตรมาสที่ 3 และที่ 4 รวมถึงปี 2569 มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลง ขณะที่ความเสี่ยงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก็เป็นความเสี่ยงเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ได้กระทบแค่ในมิติค้าชายแดน หรือแค่ในพื้นที่ แต่ยังกระทบในมิติด้านอื่น ๆ เช่น รายได้ของคนที่หายไป และการซ่อมสร้างที่จะเกิดขึ้น เป็นต้น
ซึ่งในส่วนของนโยบายการเงิน มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะต้องนำปัจจัยความเสี่ยงทั้งหมดมาพิจารณา ว่าปัจจัยเศรษฐกิจเป็นไปตามที่ประเมินไว้หรือไม่ แต่มองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันที่ 1.75% ต่อปี เป็นระดับที่เรียกว่า Robust Policy เป็นนโยบายการเงินแบบยืดหยุ่น รองรับได้หลายสถานการณ์ รวมถึงอาจจะต้องมีมาตรการจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วย
“เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 2.3% เราอยู่ระหว่างการประเมิน แต่จะเห็นว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับจีดีพีไทยเพิ่มขึ้นจาก 1.8% เป็น 2% และ สศค.ปรับจาก 2.1% เป็น 2.2% ซึ่งเป็นการปรับตามตัวเลขจริงที่ออกมาดี เพราะเศรษฐกิจโลกและสหรัฐออกมาดี เราก็ไม่ได้แย่
อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจทั้งปีมี 4 ไตรมาส ซึ่งตอนนี้เรามีอยู่ในกระเป๋าแล้ว 2 ไตรมาส เฉลี่ยอยู่ที่ 3% ซึ่งเรามองว่าในไตรมาสที่ 3 และ 4 หากเทียบ QOQ โตน้อยมาก และภาพรวมครึ่งปีหลังอาจจะไม่ได้ดีเท่าครึ่งปีแรก
ดังนั้น หลังจากนี้ไปการชะลอตัวของเศรษฐกิจคงมี และคงเป็นการซึมยาว แต่คงไม่ได้ตกเหว แต่ก็คงบอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ตัวเลขครึ่งปีแรกยังคงเป็นไปตามคาด แต่ครึ่งปีหลังเราไม่แน่ใจ เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องติดตาม”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ธปท. เกาะติดภาษีสหรัฐ-กัมพูชา ชี้เศรษฐกิจครึ่งหลังเสี่ยงชะลอ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net