ตลท. ชี้ตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง แม้ศก.โตต่ำ เร่งสร้างเชื่อมั่นรับมือภาษีทรัมป์ เล็งดึง New Economy หนุนระยะยาว
ตลท. ชี้ตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง แม้ศก.โตต่ำ เร่งสร้างเชื่อมั่นรับมือภาษีทรัมป์ เล็งดึง New Economy หนุนระยะยาว
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยภายในกิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) ประจำปี 2568 “รู้ทันโลกการเงิน ทลายหนี้สู่ความยั่งยืน” จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจและการลงทุน ภายหลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตราที่สูงขึ้น ว่า ขณะนี้ตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงไทย ยังอยู่ในภาวะผันผวนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนของมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งยังต้องติดตามผลการเจรจาระหว่างทีมไทยแลนด์และสหรัฐฯ ที่หวังว่าจะหาจุดร่วมกันได้ในลักษณะ win-win
แม้เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะถูกประเมินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะเติบโตที่ 2.3% แต่ยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง ทำให้เป็นแรงกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม หากดูจากปัจจัยพื้นฐานของตลาดทุนไทย พบว่า บริษัทจดทะเบียนยังมีค่า P/E อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ Dividend Yield อยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค บ่งชี้ว่าตลาดยังมีความน่าสนใจและมีความเสี่ยงขาลง (Downside Risk) ค่อนข้างจำกัด
“นักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุน อยากเห็นความชัดเจนว่าธุรกิจไทยจะเติบโตได้อย่างไรในอนาคต แม้เศรษฐกิจโตช้า แต่ไม่ใช่ภาวะถดถอย หากบริษัทจดทะเบียนสามารถแสดงศักยภาพการเติบโตที่สูงกว่า GDP ได้ ก็จะช่วยดึงดูดความเชื่อมั่นมากขึ้น” นายอัสสเดช กล่าว
นายอัสสเดช กล่าวว่า ตลท. จึงเดินหน้าผลักดันโครงการ “JUMP+” เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนวางแผนการเติบโตในระยะ 3 ปี สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่าองค์กรมีทิศทางที่ชัดเจน พร้อมย้ำว่า ยังมีหลายภาคธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่ม Health care ที่ยังเติบโตได้ดี และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันตลท. ยังตระหนักถึงโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยที่ยังเป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมจำนวนมาก จึงมีเป้าหมายร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงดูดกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เข้าสู่ตลาดทุน เพิ่มความหลากหลายและศักยภาพของตลาดในระยะยาว
“ขณะนี้ตลท.อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการปรับปรุงโครงสร้างตลาดทุนให้ทันสมัยและเข้าถึงง่ายมากขึ้น ด้วยการปรับปรุงกฎเกณฑ์และขั้นตอนต่าง ๆ อำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนรายย่อย”
นายอัสสเดชกล่าวว่า สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มองว่า หากการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ได้ข้อยุติที่ชัดเจน จะช่วยเสริมความมั่นใจให้นักลงทุนสามารถประเมินได้ว่าอุตสาหกรรมใดของไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมเสนอว่า รัฐบาลควรใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติม
ส่วนแผนรับมือภาษีสหรัฐฯ ที่อาจมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 36% นั้นทางตลท.ได้ดำเนินการในหลายด้านเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนให้กับบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในประเด็นด้าน ESG ซึ่งทั่วโลกให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น เช่น มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป ที่กระทบต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม
“ทั้งนี้ตลาดทุนไทยยังมีศักยภาพ แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม สิ่งสำคัญคือนักลงทุนต้องวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบของภาษีที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งตลท. จะสนับสนุนข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และรวดเร็ว เพื่อให้นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ตลท. ชี้ตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง แม้ศก.โตต่ำ เร่งสร้างเชื่อมั่นรับมือภาษีทรัมป์ เล็งดึง New Economy หนุนระยะยาว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th