เช็กเงินวัดใหญ่จอมปราสาท 2 บัญชี หลังเจ้าอาวาสหายตัวปริศนา
สะเทือนวงการพระพุทธศาสนา จากกรณีที่ "สีกากอล์ฟ" มีภาพและคลิปในโทรศัพท์มือถือของเธอกว่า 80,000 ไฟล์ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์หลายรูปทั่วประเทศ หลักฐานที่ตรวจพบเหล่านี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบสวนเชิงลึก นำไปสู่การลาสิกขาของพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานยังคงเร่งตรวจสอบเส้นทางความเชื่อมโยง และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายของสีกากอล์ฟ เพื่อเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งฟื้นฟูความน่าเชื่อถือในสถาบันทางศาสนา และล่าสุด นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยรายชื่อ พระสงฆ์ที่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับสีกากอล์ฟ และได้ ลาสิกขาแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 8 รูป ดังนี้
- พระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) เจ้าคุณอาชว์ อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ กรุงเทพมหานคร
- พระเทพวชิรธีราภรณ์ (ประดิษฐ์ ฐิตเมโธ ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย วรวิหาร จังหวัดสระบุรี
- ระเทพวชิรธีรคุณ (นิกร มโนกโร ป.ธ.9) เจ้าคุณนิกร อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
- พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี อดีตพระลูกวัดวัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพมหานคร (ระดับศาสตราจารย์ ดร.)
- พระครูสิริวิริยธาดา (ณรินทร ฐิตวีริโย ป.ธ.5) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
- พระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร จังหวัดพิษณุโลก
- พระปริยัติธาดา (สมนึก ฐิตเมโธ ป.ธ.7) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร กรุงเทพมหานคร
- พระเทพพัชราภรณ์ (สมพงษ์ ฐิตวํโส ป.ธ.4) อดีตเจ้าอาวาส วัดชูจิตธรรมมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยในเคส เจ้าอาวาส วัดชูจิตธรรมมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่งยืนยันลาสิกขา ที่วัดชูจิตธรรมมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา และท่านให้การยอมรับว่า ได้ใช้เงินวัดไปแล้วกว่า 12 ล้านบาท จึงยอมลาสิกขา
พร้อมกันนี้ยังมีรายงานอีกว่า พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท.รักษาราชการแทน รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2
พร้อมด้วย นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ภายในวัดใหญ่จอมประสาท หมู่ 5 ต.ท่าจีน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จากพระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร รวมทั้งพระลูกวัด และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
กรณี พระมหาทิวากร ดีไพร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท หายตัวไปออกจากวัด หลังจากมีข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีการโอนเงินให้กับสีกากอล์ฟ มากกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้หลักฐานสมุดบัญชีธนาคารของทางวัด และสมุดบัญชีธนาคารของเจ้าอาวาส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบรายละเอียดในสมุดบัญชี ว่ามีความผิดปกติหรือไม่
พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผกก.5 บก.ปปป. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินมีข้อบ่งชี้ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการโอนเงิน ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นผู้ถือบัญชีเพียงคนเดียว สำหรับรายได้หลักของวัดที่มาจากการให้เช่าพื้นที่จอดเรือ เบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รายได้ทั้งหมดแบ่งเป็นเงินสดและเงินโอนเข้าบัญชีของเจ้าอาวาส รวมแล้วเดือนละประมาณ 7-8 หมื่นบาท แต่ทั้งนี้ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้ง
ด้าน น.ส.อรณิช สุขบาล ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาค รัฐ 2 เปิดเผยว่า รายได้ของวัด นอกเหนือจากการให้เช่าที่จอดเรือ ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินทอดกฐิน และการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในวัด ซึ่งหลังจากนี้ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกว่า รายได้ของวัดมีเข้ามาทางไหนบ้าง เพราะบางส่วนอาจจะเข้ามาในรูปแบบของเงินสด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลการจ่ายเงินให้วัด จากทางบริษัทซึ่งนำเรือมาจอด ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หลังจากนี้ต้องมีการขอข้อมูลเป็นเอกสาร เพื่อมาเปรียบเทียบกับเส้นทางการเงินของทางวัดอีกครั้ง
ทั้งนี้หากพบว่า เงินค่าเช่าจอดเรือ ซึ่งเป็นรายได้ของทางวัด ถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวเจ้าอาวาส ถือว่ามีความผิดเนื่องจากเจ้าอาวาสนั้น โดยตำแหน่งแล้วถือเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ หากเบียดบังทรัพย์สินของทางวัดจะกลายเป็นความผิดทางอาญา ซึ่งต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับรายได้ของ วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร นั้นแบ่งได้ดังนี้
- ที่จอดเรือหน้าวัด (ติดกับแม่น้ำท่าจีน) เดือนละ 20,000 บาท
- เงินบุญทอดกฐินปี 2567 กว่า 1 ล้านบาท
- เงินเทศน์มหาชาติประมาณเกือบ 1 แสนยบาท
- เงินในตู้บริจาคยอดไม่มากนัก
- สอนธรรมบาลี (รายได้ส่วนตัวเจ้าอาวาส) เดือนละ 15,000 บาท
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า สำหรับตัวเจ้าอาวาส เดินทางออกจากวัดไป หลังจากมีพระหลายรูปลาสิกขาและตกเป็นข่าว เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ก.ค. หลังจากนั้นไม่มีใครติดต่อได้อีกเลย แต่จากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เงินวัดทั้ง 2 บัญชีเหลือเพียง 500 บาทเท่านั้น