กพช.สั่งกกพ.เจรจาเอกชนปรับลดค่าไฟฟ้าอ้างอิงโครงการSolar Floating กฟผ. พร้อมต่ออายุโรงไฟฟ้าน้ำพอง-แม่เมาะ
กพช.มีมติแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมสําหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรมตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดปี 2566 – 2573 โดยให้กกพ. เจรจากับผู้ประกอบการโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อปรับราคาค่าไฟอ้างอิงโครงการSolar Floatingของกฟผ.ให้แล้วเสร็จใน45วัน และปรับกรอบเวลาในการทําสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานลม รวมทั้งเห็นชอบต่ออายุโรงไฟฟ้าน้ําพองและแม่เมาะ
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ (21 สิงหาคม 2568) ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการดําเนินการตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 เรื่อง การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมสําหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรมตามแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดปี 2566 – 2573 (การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมฯ) โดยมีมติ ดังนี้
โครงการพลังงานลม เนื่องจากการอ้างอิงราคาที่ กฟผ. ดําเนินการมีราคาที่สูงกว่าอัตรา FIT สําหรับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมฯ จึงให้ดําเนินการในขั้นตอนของการลงนามสัญญาซื้อ ขายไฟฟ้าต่อไป และให้ กกพ. พิจารณาปรับกรอบเวลาในการทําสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และ ขยายกําหนดวัน จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ไม่เกินปี 2573
ส่วนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ มอบหมายให้ กกพ. กฟผ. กฟภ. กฟน. และ สนพ. ดําเนินการเจรจาอัตราค่าไฟฟ้ากับผู้ประกอบการเอกชนที่กกพ. ประกาศ รายชื่อ และให้ กฟผ. พิจารณาเสนออัตราค่าไฟฟ้าสําหรับใช้เจรจาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โดยอ้างอิงราคาโครงการ Solar Floating ที่กฟผ. ได้ดําเนินการ และปรับเพิ่มสมมติฐานให้สอดคล้องกับต้นทุนการดําเนินการของภาคเอกชน โดยดําเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 45 วันนับแต่วันที่ กพช. มีมติ และมอบหมายให้ กกพ. พิจารณาปรับเงื่อนไขสัญญาและขยาย SCOD เช่นเดียวกันกับโครงการพลังงานลมเพื่อใช้สําหรับการดําเนินการต่อไปสําหรับโครงการที่ปรับลดราคาลงตามการเจรจา ทั้งนี้หากโครงการที่ไม่ปรับลดราคาตามการเจรจาให้รายผลให้ กพช. พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ การขยายอายุการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม น้ําพอง ชุดที่ 1 และ 2 ออกไปอีก 6 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2574 เพื่อให้ สอดคล้องกับอายุสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ และรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งการขยายอายุการเดินเครื่องครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสุทธิได้ประมาณ 28,358 ล้านบาทตลอดระยะเวลา 6 ปี อีกทั้งยังเป็นการใช้ทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ สํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) นําเรื่องดังกล่าวบรรจุในร่างแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP)ไทยฉบับใหม่ตามขั้นตอนต่อไป
รวมทั้งได้เห็นชอบ แนวทางบริหารจัดการโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อทดแทนโครงการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8–9 โดยกําหนดให้เลื่อนแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 8 และ 11 จากวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2574 หรือจนกว่าการปรับปรุงเครื่องที่ 12 และ 13 จะแล้วเสร็จประมาณปี 2574 และ ดําเนินการปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 12 และ 13 พร้อมเลื่อนแผนการปลดออกไปจนถึงปี 2591 โดยจะหยุดเดินเครื่องชั่วคราว (ไม่จ่ายไฟเข้าระบบ) ระหว่างการปรับปรุง ในช่วงปี 2569–2574 แนวทางนี้จะช่วยลดการลงทุน ใช้ทรัพยากรภายในประเทศอย่างคุ้มค่า ลดการนําเข้า Spot LNG และลดผลกระทบค่าไฟฟ้าต่อประชาชน โดยคาดว่าจะสามารถลดค่า Ft ได้ประมาณ 3.67 สตางค์ต่อ หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าลดลงราว 9,566 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้ กฟผ. เสนอเรื่องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8–9 พร้อมทั้งมอบหมายให้ สนพ. บรรจุแนวทางดังกล่าวไว้ในร่างแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ต่อไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าที่ประชุมยังได้มีมติเห็นชอบแนวทางการลดค่าไฟฟ้าสําหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยแบบ อัตราปกติ โดยให้ชําระค่าไฟฟ้าไม่เกินอัตราค่าไฟฟ้าที่ กกพ ประกาศ เรียกเก็บตามรอบ Ft ในแต่ละรอบโดยเริ่มตั้งแต่งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งในงวดเดือนกันยายน - ธันวาคม 2568 อยู่ที่หน่วยละ 3.94 บาท
ทั้งนี้ มอบหมาย สนพ. และ กกพ. พิจารณาทบทวนการกําหนดช่วงการใช้ไฟฟ้าที่จะได้รับสิทธิส่วนลดให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย เพื่อคงวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการใช้ ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและลดภาระการอุดหนุนเกินจําเป็น ทั้งนี้ให้ สนพ. และ กกพ.พิจารณาปริมาณหน่วย การใช้ไฟฟ้าขั้นสูงสําหรับบ้านพักอาศัยที่ควรต้องชําระค่าไฟฟ้าสูงกว่าอัตราที่ กกพ.ประกาศในแต่ละรอบตั้งแต่ 400 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป ว่าควรมีปริมาณการใช้ไฟฟ้าขั้นสูงไม่เกินเดือนละกี่หน่วย และปริมาณการใช้ไฟฟ้าส่วนที่เกินปริมาณหน่วยขั้นสูงนั้นจะคิดอัตราค่าใช้ไฟฟ้าเท่าใด โดยให้นําผลการพิจารณาไปหารือกับรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพลังงาน ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว โดยให้ กฟภ. และ กฟน. รับไปปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติให้ กฟผ. และ กฟภ. กําหนดราคาจําหน่ายไฟฟ้าแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามมติ กพช. ปี 2558 อย่างเคร่งครัด และเห็นชอบแนวทางปรับปรุงราคาสําหรับสัญญาในอนาคต เพื่อไม่ให้เป็น ภาระต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของประเทศและเป็นธรรมต่อประชาชนในประเทศ โดยกําหนดชัดเจนว่าราคาจําหน่าย ไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านจะต้องไม่ต่ํากว่าราคาที่จําหน่ายให้ประชาชนภายในประเทศ ทั้งนี้ กพช. ยังได้ มอบหมายให้ กฟผ. และ กฟภ. ร่วมกันศึกษาแนวทางการกําหนดราคาที่เหมาะสม และนําเสนอต่อ กพช. ต่อไป
นายพีระพันธุ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมยังได้ติดตาม ความคืบหน้าประเด็นการแยกศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า (System Operator: SO) ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 กพช. เคยมีมติให้แยก SO ออกมาเป็นนิติบุคคลใหม่ที่เป็นอิสระจาก กฟผ.
อย่างไรก็ตาม พบว่า SO ภายใต้ กฟผ. (Ring Fenced) เหมาะสมกับโครงสร้าง อุตสาหกรรมไฟฟ้าของไทยในรูปแบบ ESB (Enhance Single Buyer) และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล อีกทั้งยัง สามารถบริหารจัดการระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาความมั่นคง ที่ประชุมจึงมีมติ ยกเลิกมติเดิมของ กพช. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ให้แยก SO เป็นนิติบุคคลออกจาก กฟผ.
ที่ประชุมยังได้มีมติ รับทราบผลโครงการนําร่อง Demand Response (DR) ปี 2565–2566 และมีมติเห็นชอบแนวทางพัฒนามาตรการ DR ดังนี้ (1) ให้ดําเนินโครงการ DR ต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แก่ผู้เข้าร่วม และพัฒนาไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ในอนาคต โดย DR จะช่วยลดการสร้างหรือเดินเครื่องโรงไฟฟ้าใน บางช่วง ลดการนําเข้า LNG และสอดคล้องกับแผน PDP ฉบับใหม่
(2) ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อกําหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข อัตราค่าตอบแทน และติดตามผล การดําเนินงาน โดยอัตราค่าตอบแทนต้องไม่สูงกว่าต้นทุนโรงไฟฟ้าหรือไฟฟ้าจาก LNG เพื่อช่วยลดค่าไฟโดยรวม ของประเทศ และ (3) มอบหมายให้ กบง.ดําเนินการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ก่อนการสั่งเรียกมาตรการ DR ตามเป้าหมายตามแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับใหม่ และ มอบหมายคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน บรรจุค่าใช้จ่ายผลตอบแทน DR ตามเป้าหมายรายปีในแผน PDP ฉบับใหม่เข้าในค่าไฟฟ้าฐานต่อไป
นายพีระพันธุ์ เปิดเผยอีกว่า ที่ประชุม กพช.ได้รับทราบการดําเนินการตามมติ กพช. เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 การบริหารจัดการ Pool Gas ของประเทศ (Pool Manager) ว่าได้ดําเนินการแยก Pool manager เป็นอิสระจาก ปตท. (Ring Fenced) แล้ว โดยไม่จําเป็นต้องแยก Pool manager เป็นนิติบุคคล
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO