“ดุสิต อจารา หัวหิน” บุกตลาด Branded Residences ครอบครัว เจาะดีมานด์เศรษฐีไทย-ยุโรป
“หัวหิน” ขึ้นแท่นเดสติเนชันไฮเอนด์ “Branded Residences” โตแรงรับดีมานด์เศรษฐีทั่วโลก “ดุสิต เอสเตท” ดัน “ดุสิต อจารา หัวหิน” ปลุกดีมานด์ไฮเอนด์ด้วยจุดแข็ง “ไลฟ์สไตล์แบบดุสิตธานี” ทุบราคาเริ่มต้น 14 ล้าน ขาย “แฟมิลี่-เวลบีอิ้ง” เจาะกลุ่มผู้ซื้อไทย-ยุโรปเพื่ออยู่อาศัยจริง
ประเทศไทยยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาด “Branded Residences” ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 23.3% ของมูลค่าตลาดรวมที่ 266,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ ปี 2567 โดย C9 Hotelworks)
โดยภูเก็ตและกรุงเทพฯ เป็นสองเมืองหลักที่มีจำนวนโครงการและยูนิตมากที่สุด ขณะที่ “หัวหิน” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 10 เดสติเนชันยอดนิยมสำหรับโครงการ Branded Residences สะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งในการดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อระดับไฮเอนด์ ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มองหาที่พักตากอากาศหรือบ้านหลังที่สองที่มีมาตรฐานการบริการระดับโรงแรมหรู
การเติบโตของตลาด Branded Residences ในหัวหินเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งความน่าดึงดูดของเมืองตากอากาศที่มีบรรยากาศเงียบสงบแต่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก การเดินทางที่สะดวกจากกรุงเทพฯ และความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่ที่อยู่อาศัย แต่ต้องการไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับและบริการที่ครบครัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของโครงการ Branded Residences ที่ผสานความเป็นส่วนตัวของบ้านเข้ากับความหรูหราและบริการมาตรฐานโรงแรม
“ดุสิต อจารา หัวหิน” ชูจุดแข็ง “แฟมิลี่-เวลบีอิ้ง” เจาะกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
ล่าสุด กลุ่มดุสิตได้เปิดตัวโครงการใหม่ “ดุสิต อจารา หัวหิน” (Dusit Ajara Hua Hin) ซึ่งเป็น Branded Residences ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่แตกต่างออกไปจากที่ผ่านมา
[caption id="attachment_192519" align="aligncenter" width="1000"]
ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต เอสเตท จำกัด[/caption]
ณัฐภาณุ์ ศรียุกต์สิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิต เอสเตท จำกัด ให้ข้อมูลว่า หัวหิน เป็นโลเคชั่นไพร์มแฟมิลี่ เป็นจุดหมายปลายทางที่คนอยากมาพัก เป็นโลเคชั่นไฮเอนด์ที่คนอยากมาพักตากอากาศ และต่างชาติให้ความสนใจอยากเข้ามาใช้ชีวิตหลังเกษียณ
ซึ่งกลุ่มดุสิตต้องการต่อยอดจากโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน มาสู่ “Branded Residences” บนพื้นที่114 ไร่ ภายใต้แบรนด์ “ดุสิต อจารา” เป็นโปรเจกต์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่เดิมของสนามโปโลฟิลด์เดิม (ดุสิตธานี โปโลคลับ) และเป็นส่วนต่อขยายของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน
โครงการประกอบด้วย 96 ยูนิต เน้นความเป็นส่วนตัวและความหรูหรา ขนาดเริ่มต้นที่ 66 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท และเพนท์เฮาส์วิวทะเล 4 ยูนิต ขนาดประมาณ 300 ตารางเมตร ราคาต่อตารางเมตรเทียบเคียงกับโครงการ Branded Residences ระดับสูงในตลาดที่ 2.5 - 2.7 แสนบาทต่อตารางเมตร
จุดมุ่งหมายหลักของโครงการนี้คือการขายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยมีสัดส่วนลูกค้าเป้าหมายเป็นชาวไทย 60% และชาวต่างชาติ 40% โดยเฉพาะชาวยุโรปและสแกนดิเนเวียที่ต้องการย้ายมาพักอาศัยในหัวหิน
“เรามั่นใจว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยการดูแลลูกบ้านแบบ 'เจนเนอเรชันต่อเจนเนอเรชัน' โดยเน้นไปที่การออกกำลังกายและเวลบีอิ้งของลูกบ้านเป็นสำคัญ ที่สำคัญเรามีประสบการณ์ดูแลลูกค้าลีดโฮลด์จนหมดสัญญา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่ทำให้ผู้สนใจตัดสินใจซื้อ”
จาก Hospitality DNA สู่ความสำเร็จในตลาดอสังหาฯ
[caption id="attachment_192522" align="aligncenter" width="1000"]
คุณศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)[/caption]
คุณศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรม กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ดุสิต อจารา” ไม่ใช่ Branded Residences แห่งแรกของพอร์ต ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มดุสิตได้พัฒนา “ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค” ซึ่งที่ล้อไปกับ “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ” และประสบความสำเร็จอย่างมากปัจจุบันสามารถขายออกไปได้มากกว่า 90%
และ“ดุสิต อจารา” ก็จะมีแนวทางที่คล้ายคลึงกันคือเป็นส่วนต่อขยายของ “โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน” ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับบริการและสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากโรงแรมอย่างเต็มที่
“เรามาจากธุรกิจ Hospitality ไม่ใช่นักพัฒนาอสังหาฯ ที่เน้นแค่การสร้างบ้านหรือคอนโดเพื่อขาย เราสร้างไลฟ์สไตล์และประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ” พร้อมชี้ให้เห็นถึงจุดแข็งของกลุ่มดุสิตในตลาด Branded Residences ที่มีประสบการณ์ในการบริหารโครงการมาอย่างยาวนานในต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลางและดูไบ และปัจจุบันต้องการโฟกัสในตลาดไทยซึ่งเป็นตลาดที่ดุสิตรู้จักดี
นอกจากนี้ยังมีแผนทำงานร่วมกับเอเจนซี่หรือดีเวลลอปเปอร์ต่างชาติโดยเฉพาะในเอเชียทั้งเกาหลี มาเลเซียซึ่งเป็นตลาดหลักของเรา เข้ามาดูโปรเจ็กต์ “ดุสิต อจารา หัวหิน” เพื่อหาโอกาสขยายแบรนด์และโปรเจ็กต์ ไปโตในต่างประเทศได้ในอนาคต