จุลพงษ์ จี้รบ. ใช้มาตรฐานเดียวกัน สนามกอล์ฟอันไพน์-เขากระโดง แนะปฏิรูประบบราชการจริงจัง
จุลพงษ์ จี้ รัฐบาล ใช้มาตรฐานเดียวกันจัดการที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เหมือน เขากระโดง มอง อาจเป็นมวยล้มต้มคนดู หาก 2 พรรคจับมือกันอีก แนะ เร่งปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจัง
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายจุลพงษ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีเขากระโดง-ที่ดินอัลไพน์ ว่า หลังจากที่กระทรวงมหาดไทยได้มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ และดูเหมือนรัฐมนตรีคนใหม่กำลังเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตนจึงเห็นว่า รัฐบาลควรจะต้องสะสางปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เช่นกัน เพราะทั้งสองกรณีมีความเหมือนกันอยู่หลายประการ
ซึ่งทั้งสองกรณีเกี่ยวกับการทำงานของระบบราชการในอดีตที่ไม่ยึดหลักกฎหมาย แต่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจในยุคใดยุคหนึ่ง ทั้งสองกรณีเกี่ยวกับประชาชนที่อยู่อาศัยบนที่ดินจำนวนมาก ประชาชนไม่สามารถ ทำนิติกรรมที่ดินได้จนถึงทุกวันนี้และทั้งสองกรณีก็กำลังมีคดีอยู่ในศาลเช่นกัน ตนจะมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจึงเร่งรัดกรณีหนึ่งแต่อีกกรณีหนึ่งกลับนิ่งเฉย หากรัฐบาลยังนิ่งเฉยกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อไป ตนมีความเห็นว่าการเร่งรัดกรณีเขากระโดงใน ขณะนี้ถูกทำให้เหมือนว่ารัฐบาล กำลังทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
“แต่ผมเกรงว่าน่าจะเป็นการตอบโต้ชั่วคราวทางการเมืองระหว่างพรรคการเมือง 2 พรรคเท่านั้น ทำพอเป็นข่าวให้ดูเหมือนจริงแต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ในครั้งหน้าและพรรคการเมือง 2 พรรคที่เกี่ยวข้องกลับมาร่วมรัฐบาลกันอีกทั้งเรื่องเขากระโดงและเรื่องอัลไพน์ก็จะจางหายไปเหมือนในหลายเรื่อง เป็นมวยล้มต้มคนดูระหว่างนักการเมือง” นายจุลพงษ์กล่าว
นายจุลพงษ์ ยังกล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่เขากระโดงและพื้นที่หมู่บ้านติดสนามกอล์ฟอัลไพน์หลายพันครอบครัว ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง ตนจึงขอเชิญชวน ให้มองภาพใหญ่กว่ากรณีเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ คือ รากฐานของปัญหาคือระบบราชการที่อ่อนแอจนไปเหตุให้ข้าราชการไม่ยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกรณีปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ กรณีเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์เกิดขึ้นเกิดมาไม่น้อยกว่า 50 ปี จึงเป็นตัวอย่างที่แสดงว่าการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและเลือกปฏิบัติในสังคมไทย
ดังนั้นตนในฐานะผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการอีก 2 คณะ ตนมองเห็นว่าประเทศไทยยังมีข้าราชการดี ๆ รุ่นใหม่อีกจำนวนมาก แล้วขณะนี้ประเทศไทยต้องการปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจังไม่ใช่แค่ตั้งกรมใหม่หรือเพิ่มตำแหน่ง หรือโยกย้ายข้าราชการประจำเท่านั้น พร้อมต้องฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศครั้งใหญ่ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียม
เมื่อถามว่า กรณีที่ดินเขากระโดงและอัลไพน์มองว่าเป็นสงครามของพรรคการเมืองใช่หรือไม่ นายจุลพงษ์ กล่าวว่า ดูเหมือนว่าเป็นอย่างนั้น แต่ตนมีความเห็นว่าในการเมืองแบบเก่า ถ้าเกิดมีการเลือกตั้งครั้งหน้า และพรรคการเมืองสองพรรคมารวมกันเป็นรัฐบาล เรื่องเหล่านี้ก็จะจางหายไปเรื่อย ๆ ตนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงจังเพราะว่า
เราไม่ได้แก้ที่รากฐาน ไม่ได้แก้ที่ระบบราชการ ไม่ได้แก้ที่มีหลักนิติธรรมอย่างเข้มแข็ง เพราะฉะนั้นเรื่องราวต่างๆข้าราชการก็จะถูกปั่นหัวไปเรื่อย ๆ ตามทิศทางที่นักการเมืองต้องการ และทางแก้คือว่า ไม่ใช่แค่ในเรื่องของเขากระโดงหรืออัลไพน์ เพราะเป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น ยังมีอีกเป็นหมื่นเรื่องในประเทศไทยและเราต้องมีการปฏิรูประบบราชการ และฟื้นฟูหลักนิติธรรมขึ้นมาในประเทศให้ได้
เมื่อถามต่อว่าก่อนหน้านี้ที่นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี บอกว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับทั้งสองคดีตรงนี้มองว่าอย่างไรบ้าง นายจุลพงษ์ กล่าวว่า คงต้องคอยดูต่อไป แต่ถ้าพูดตามตรง
“นักการเมืองที่ผ่านมา ท่านเชื่อไหมหละ ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้า สองพรรคมาร่วมเป็นรัฐบาล เรื่องต่างๆจะจางหายไปเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเราไม่ได้แก้ที่ปัญหาจริงๆ” นายจุลพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ นายจุลพงษ์ มองว่า ในเรื่องของเขาก็กระโดงและอัลไพน์อย่างที่ตนเคยอภิปรายในสภาฯว่าเป็นเรื่องที่เป็นการมาต่อรองเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จุลพงษ์ จี้รบ. ใช้มาตรฐานเดียวกัน สนามกอล์ฟอันไพน์-เขากระโดง แนะปฏิรูประบบราชการจริงจัง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th