THANI แจงงบ Q2 กำไรพุ่งแตะ 278 ล.

หุ้นวิชั่น - THANI แจงงบ Q2/68 ฟื้น กำไรสุทธิรวมกลุ่มพุ่งแตะ 278.68 ล้านบาท ดัน ROE ขยับแตะ 8.26% จากไตรมาสก่อน แม้รายได้และกำไรเฉพาะกิจการยังหดตัวแรงกว่าปีก่อน กดจากสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดฮวบกว่า 8.3 พันล้านบาท ขาดทุนจากรถยึดพุ่ง แต่ยังโชว์ฐานะการเงินแกร่ง สินเชื่อยังครองสัดส่วนสูงถึง 93% ของสินทรัพย์รวม

ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI ขออธิบายภาพรวมผลการดำเนินงานและฐานะการเงินสำหรับไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 (สอบทาน) ตามรายละเอียดดังนี้

ภาพรวมผลการดำเนินงาน

บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/2568 จำนวน 278.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ที่ร้อยละ 8.26 ปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 7.62 ในไตรมาส 1/2568 โดยมีรายได้รวมจำนวน 947.97 ล้านบาท

ขณะที่มีค่าใช้จ่ายทางการเงินจำนวน 254.60 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 164.82 ล้านบาท, ขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย (โอนกลับรายการ) จำนวน 105.95 ล้านบาท และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 276.11 ล้านบาท

บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 44,428.41 ล้านบาท, หนี้สินรวมจำนวน 30,968.05 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมจำนวน 13,460.36 ล้านบาท

งบการเงินเฉพาะกิจการ

บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/2568 จำนวน 254.63 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 64.51 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 20.21 โดยมีรายได้รวมจำนวน 913.71 ล้านบาท ลดลง 211.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.82

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินมีจำนวน 254.60 ล้านบาท ลดลง 53.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.42 และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 276.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 13.56 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.16 จากการเพิ่มขึ้นของรายการขาดทุนจากการขายรถยึด

ฐานะการเงิน

ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 44,326.40 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 7,732.71 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.85

โดยบริษัทมีลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อและเช่าทางการเงิน - สุทธิ จำนวน 40,518.52 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 8,322.28 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.04 และมีสินเชื่อเงินให้กู้ยืมจำนวน 890.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 244.68 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.91

ซึ่งสินเชื่อทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.42 ของสินทรัพย์รวม ขณะที่หนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีจำนวน 30,912.24 ล้านบาท และ 13,414.16 ล้านบาท ตามลำดับ

เมื่อเปรียบเทียบฐานะการเงินของบริษัท ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 กับไตรมาส 1/2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวมลดลงจำนวน 3,503.39 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.32 โดยมีลูกหนี้สินเชื่อเช่าซื้อและเช่าทางการเงิน - สุทธิ ลดลง 1,932.52 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.55

ในขณะที่สินเชื่อเงินให้กู้ยืมเพิ่มขึ้นจำนวน 28.22 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.27 หนี้สินรวมลดลงจำนวน 3,321.97 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.70 และส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจำนวน 181.42 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.33 ตามลำดับ