จับชายฉกแบงก์ร้อยเด็กนักเรียนกลางร้านค้า อ้างจะเลี้ยงของแทน สุดท้ายแม่เด็กไม่ยอมความ
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "เลขา ยมบาล นะ" ได้โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดภายในร้านค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมข้อความเตือนภัยว่า “ภัยต่อเด็ก อันตรายมาก คิดได้ไงตบทรัพย์เด็ก ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ เพราะหากปล่อยไว้ อาจเป็นอันตรายกับเด็กคนอื่น”
จากคลิปจะเห็นเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งกำลังซื้อเครื่องดื่มภายในร้าน โดยขณะกำลังยื่นธนบัตรใบละ 100 บาทเพื่อชำระเงิน ได้มีชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ในร้านและอยู่ในอาการคล้ายคนมึนเมา เข้ามาทำทีสนิทสนม กอดคอเด็ก พร้อมพูดว่าจะ “เลี้ยงของเอง” จากนั้นได้หยิบแบงก์ร้อยของเด็กไปจ่ายค่าของของตัวเอง ท่ามกลางความงุนงงของเด็กชาย
แม่ของเด็กชาย ซึ่งจอดรถรอลูกอยู่ด้านนอกร้าน ได้รับฟังเรื่องราวจากลูกชาย จึงเข้าไปต่อว่าชายคนดังกล่าวจนเกิดการโต้เถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่ชายคนนั้นจะยอมคืนเงินให้ อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นแม่ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าตะเกียบ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่าตะเกียบ ได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุจนพบอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเทพประทาน หมู่ 8 ตำบลคลองตะเกรา อำเภอท่าตะเกียบ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่กับยายและน้าสาว
จากการสอบถาม“น้องทาร์ม”(นามสมมุติ) อายุประมาณ 10 ปี เล่าว่า ตนกำลังซื้อของอยู่และถือเงินอยู่ในมือ เมื่อเจอกับชายคนหนึ่งในร้านก็ถูกเข้ามาทำทีสนิทสนม บอกจะจ่ายของให้ และหยิบเงินแบงก์ร้อยของตนไปจ่ายของตัวเอง ตนรู้สึกงงและยังเด็กจึงไม่ทันได้ขัดขืนอะไร
นางสาวอติพร อายุ 29 ปี แม่ของน้องทาร์ม เผยว่า แม้ชายคนดังกล่าวจะคืนเงินให้ แต่ตนไม่ต้องการยอมความ เพราะมองว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจก่ออันตรายต่อเด็กคนอื่นในอนาคต จึงยืนยันจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ขณะที่เจ้าของร้าน นางวิจิต ชื่นจ่าเนตร อายุ 68 ปี ให้ข้อมูลว่า ผู้ก่อเหตุขี่รถซาเล้งมาซื้อเหล้าขาวในร้าน และในจังหวะเดียวกับที่เด็กนำของมาชำระเงิน ชายคนดังกล่าวก็พยายามเข้าหาเด็ก บอกจะ “เลี้ยงเอง” ก่อนหยิบเงินจากมือเด็กไปจ่ายของตนเอง
ด้านน้าสาวของผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า พร้อมจะชดใช้เงินคืนให้ แต่ขอความเห็นใจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่กับยาย ซึ่งเป็นผู้สูงอายุและไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พร้อมทั้งกังวลหากถูกจำคุก ยายจะอยู่ลำพังอย่างไร
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวชายผู้ก่อเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป