โมดีจ่อเยือนจีน ครั้งแรกรอบกว่า 7 ปี หลังภาษีทรัมป์ ทำสัมพันธ์มะกันตึงเครียดพุ่ง
โมดีจ่อเยือนจีน ครั้งแรกรอบกว่า 7 ปี หลังภาษีทรัมป์ ทำสัมพันธ์มะกันตึงเครียดพุ่ง
รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย เตรียมเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 7 ปี สะท้อนสัญญาณของการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการทูตระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐกำลังเผชิญกับความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น
แหล่งข่าวรัฐบาลซึ่งมีความใกล้ชิดกับเรื่องนี้เผยว่า โมดีจะเดินทางไปจีนเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation – SCO) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม ด้านกระทรวงการต่างประเทศอินเดียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว
โมดีจะเดินทางไปเมืองเทียนจินของจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด SCO ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือทางการเมืองและความมั่นคงของยูเรเซีย ที่มีรัสเซียเป็นสมาชิกด้วย ซึ่งหากเขาเดินทางไปตามรายงานข่าวจริง ก็จะเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของโมดีนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018
การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐกำลังตกต่ำย่ำแย่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้ประกาศบังคับใช้มาตรการกำแพงภาษีสูงสุดในกลุ่มประเทศเอเชียต่อสินค้าที่นำเข้าจากอินเดียจาก 25% เป็น 50% เพื่อเป็นการลงโทษที่อินเดียไม่ยกเลิกซื้อน้ำมันรัสเซียตามที่สหรัฐต้องการ โดยอ้างว่าการกระทำของอินเดียเป็นการสนับสนุนสงครามยูเครน
ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อินเดียได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว หลังเหตุปะทะกันระหว่างทหารทั้งสองประเทศตามแนวชายแดนของเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นข้อพิพาทระหว่างกันในปี 2020
โมดีและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้พบปะกันนอกรอบระหว่างการประชุมสุดยอด BRICS ที่จัดขึ้นในรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้นำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียด และค่อยๆ คลี่คลายความขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการเดินทางระหว่างสองประเทศ
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐและอินเดียบอกกับรอยเตอร์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 และ 5 ของโลก ล้มเหลวเพราะการประเมินทางการเมืองที่ผิดพลาด การส่งสัญญาณผิด และความไม่พอใจกันในหลายเรื่อง โดยมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่กว่า 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
แหล่งข่าว 4 รายของรัฐบาลอินเดียระบุว่า จากการประเมินภายในของรัฐบาล มาตรการกีดกันทางการค้าของทรัมป์อาจทำให้สินค้าอินเดียที่ส่งไปยังสหรัฐสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันคิดเป็นมูลค่าราว 6.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 80% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของอินเดียไปยังสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของการส่งออกดังกล่าวยังถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของอินเดียที่มีมูลค่ารวม 4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้คาดว่าผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยตรงจะมีอยู่ในวงจำกัด
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ยังคงประมาณการการเติบโตของ GDP สำหรับปีงบประมาณปัจจุบันไว้ที่ 6.5% โดยยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แม้จะมีความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของสหรัฐ แต่การประเมินดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานว่า ทรัมป์อาจเก็บภาษีอินเดียเพิ่มอีก 10% เท่านั้น ดังนั้นจะต้องมีการประเมินใหม่เมื่อภาษีที่ทรัมป์เรียกเก็บมีความชัดเจนมากขึ้น
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของอินเดียยังไม่ได้ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจากอินเดียเป็น 50% แต่อย่างใด ทั้งนี้ อินเดียส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐเป็นมูลค่าราว 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โมดีจ่อเยือนจีน ครั้งแรกรอบกว่า 7 ปี หลังภาษีทรัมป์ ทำสัมพันธ์มะกันตึงเครียดพุ่ง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th