สศก. เผยจีดีพีภาคเกษตร Q2 พุ่ง 5.5% อานิสงส์น้ำดี-อากาศหนุน คาดทั้งปีโต 2-3%
สศก. เผยจีดีพีภาคเกษตร Q2 พุ่ง 5.5% อานิสงส์น้ำดี-อากาศหนุน คาดทั้งปีโต 2-3%
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 2 ปี 2568 (เมษายน – มิถุนายน) พบว่าขยายตัวถึง 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 ต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นปี 2568 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำตามธรรมชาติมีเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง ประกอบกับสภาพอากาศโดยทั่วไปเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของพืชผล เกษตรกรจึงมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่ที่เคยปล่อยว่าง รวมทั้งมีการบำรุงดูแลและเฝ้าระวังโรคมากขึ้น ส่งผลให้สาขาพืชซึ่งเป็นสาขาการผลิตหลักขยายตัวได้ดี และส่งผลบวกต่อเนื่องไปยังสาขาบริการทางการเกษตร ขณะที่สาขาประมงและสาขาป่าไม้ขยายตัวจากความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่วนสาขาปศุสัตว์มีทิศทางหดตัว มีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้
สาขาพืชโตเด่น 7.9%
นายฉันทานนท์ กล่าวว่า สาขาพืช ซึ่งเป็นหัวใจหลักของภาคเกษตรขยายตัวสูงถึง 7.9% โดยผลผลิตพืชที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ได้แก่ ข้าวนาปรัง ที่เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกอย่างมากทั้งในและนอกเขตชลประทาน โดยบางพื้นที่สามารถปลูกได้ถึง 2 รอบ เนื่องจากน้ำมีเพียงพอ และราคาข้าวที่ดีจูงใจให้ดูแลบำรุงอย่างเต็มที่ รวมถึง สับปะรดปัตตาเวีย และ ปาล์มน้ำมัน ที่ผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสภาพอากาศที่เหมาะสมและเกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกแทนพืชชนิดอื่น นอกจากนี้ ลำไย ทุเรียน มังคุด และเงาะ ก็ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมากในภาคตะวันออก เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและราคาที่อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องหลายปี
ในทางตรงกันข้าม พืชบางชนิดก็มีผลผลิตลดลง เช่น มันสำปะหลัง ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างและสภาพอากาศแปรปรวน ส่วน อ้อยโรงงาน ผลผลิตลดลงในไตรมาสนี้เพราะมีการเก็บเกี่ยวไปแล้วส่วนใหญ่ตั้งแต่ไตรมาสแรก ขณะที่ ยางพารา ก็มีผลผลิตลดลงจากการที่ภาครัฐขอความร่วมมือเลื่อนฤดูเปิดกรีด และเกษตรกรในบางพื้นที่เริ่มตัดโค่นต้นยางเก่าเพื่อเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน
สาขาปศุสัตว์ หดตัวลงเล็กน้อย 0.9% โดยเฉพาะ สุกรและไข่ไก่ ที่ผลผลิตลดลงจากโครงการรักษาเสถียรภาพราคาของภาครัฐ แต่ ไก่เนื้อและน้ำนมดิบ ยังคงมีการผลิตเพิ่มขึ้นตามความต้องการบริโภคและการส่งออกที่ขยายตัว
สาขาประมง ขยายตัวได้ 1.3% จากการเพิ่มปริมาณการปล่อยลูกกุ้งขาวแวนนาไมที่ราคาดี ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่ม ส่วนปลานิล ปลาดุก และสัตว์น้ำทะเลลดลงจากต้นทุนอาหารและน้ำมันที่สูง สภาพอากาศแปรปรวนทำให้การออกเรือลดลง
สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัว 2.8% ตามการขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะข้าวโพด สับปะรด ข้าวนาปรัง ขณะที่สาขาป่าไม้ขยายตัว 0.6% โดยผลผลิตไม้ยูคาลิปตัส ถ่านไม้ และรังนกเพิ่มขึ้น ส่วนไม้ยางพาราและครั่งลดลงจากสภาพอากาศและการลดพื้นที่ปลูก
คาดเศรษฐกิจเกษตรปี 68 โต 2-3%
นายฉันทานนท์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรทั้งปี 2568 สศก. คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 2.0 – 3.0% โดยมีแรงหนุนจากปริมาณฝนที่เพียงพอและนโยบายรัฐด้านการจัดการน้ำ การใช้เทคโนโลยีเกษตร และการเฝ้าระวังโรคพืชและสัตว์ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ราคาปัจจัยการผลิตสูง และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากสงครามการค้าและนโยบายภาษีของประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในระยะต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สศก. เผยจีดีพีภาคเกษตร Q2 พุ่ง 5.5% อานิสงส์น้ำดี-อากาศหนุน คาดทั้งปีโต 2-3%
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th