“ผู้ก่อตั้ง VinFast” ดันแท็กซี่ไฟฟ้า GSM บุกอาเซียน ท้าชน Grab–GoTo
"ผู้ก่อตั้ง VinFast" กำลังใช้แท็กซี่ไฟฟ้า Green & Smart Mobility (GSM) เป็นหัวหอกบุกตลาดเรียกรถในอาเซียน หลังครองส่วนแบ่ง 40% ในเวียดนาม หวังท้าชน Grab–GoTo
วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 06.00 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Pham Nhat Vuong มหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดของเวียดนาม กำลังเดินหน้าปฏิวัติธุรกิจเรียกรถ (ride-hailing) ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านบริษัทแท็กซี่ Green & Smart Mobility JSC (GSM) หรือที่รู้จักในชื่อ Xanh SM ในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันแข่งขันกับ Grab Holdings Ltd. เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้ให้บริการเรียกรถรายใหญ่ที่สุดในตลาดบ้านเกิด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence อย่าง นาธาน ไนดู (Nathan Naidu) เตือนว่า GSM จะต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ เนื่องจากอุตสาหกรรมเรียกรถมีอัตรากำไรต่ำ และ GSM ยังมีฐานธุรกิจในตลาดต่างประเทศค่อนข้างจำกัด
Pham Nhat Vuong ใช้กลยุทธ์ทุ่มเงินทุน การตั้งราคาที่ดุดัน และการใช้รถยนต์ไฟฟ้าจาก VinFast Auto Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นเอง ตามข้อมูลจาก Mordor Intelligence
GSM ก่อตั้งมาเพียง 2 ปีครึ่ง และกำลังขยายรูปแบบธุรกิจไปยังลาว อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อีกทั้งยังมีแผนเข้าสู่ตลาดอินเดีย ซึ่ง VinFast เพิ่งเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และยังเตรียมเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซียภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
โดย Pham Nhat Vuong ถือหุ้น 95% ใน GSM และมองว่าบริษัทแท็กซี่ไฟฟ้านี้คือเครื่องมือทางการตลาดที่จะผลักดันให้ VinFast กลายเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริการเรียกรถของ GSM คิดเป็นสัดส่วนราว 21% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดของ VinFast
ด้าน Nguyen Van Thanh ซีอีโอของ GSM Global เปิดเผยว่า บริษัทอาจขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียเพิ่มเติม ตามกลยุทธ์กว้างของบริษัทแม่ Vingroup JSC รวมถึงขยายบริการไปยังการเดินทางระหว่างเมือง การให้บริการพรีเมียม การจัดส่งสินค้า และบริการสำหรับลูกค้าองค์กร
ในเวียดนาม GSM ครองส่วนแบ่งตลาดเรียกรถ 40% ในไตรมาสแรก โดย Grab มี 32% และ BE Group JSC มี 6% ตามข้อมูลของ Mordor ขณะที่ Rakuten Insight ระบุว่า Grab ครองตลาดเวียดนามที่ 55% ส่วน GSM อยู่ที่ 35%
GSM มีแผนลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในฟิลิปปินส์ ภายใน 3 ปี หลังจากส่งมอบรถยนต์ 2,500 คันเข้าสู่เขตมหานครมะนิลาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ส่วนในอินโดนีเซีย GSM ตั้งเป้าจะมีแท็กซี่ไฟฟ้าสีฟ้า (Green SM) จำนวน 10,000 คัน ให้บริการภายในสิ้นปีนี้ แข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Grab, GoTo Group และ PT Blue Bird Tbk
รายงานของ Maybank Securities ระบุว่า GSM สามารถครองส่วนแบ่งตลาดเรียกรถในอินโดนีเซีย 6% ภายในปี 2026 หากมีจำนวนรถ 16,000 คัน และอาจเพิ่มเป็น 12% ในปี 2027 หากขยายเป็น 35,000 คัน ซึ่งเทียบเท่าขนาดกองรถในเวียดนาม โดยอาจทำให้มูลค่าการขายจากบริการ on-demand ของ Grab และ GoTo ลดลง 1% และ 3% ตามลำดับ
Adrianto Djokosoetono ซีอีโอของ Blue Bird กล่าวว่า การมาของ GSM จะเป็นตัวเร่งให้บริษัทพัฒนานวัตกรรมใหม่ โดยจะเน้นการขยายบริการด้าน mobility การสร้างพันธมิตร และการควบคุมคุณภาพ ขณะที่ Patrick Sugito Walujo ซีอีโอของ GoTo กล่าวเมื่อต้นปีว่า GSM จะเป็นคู่แข่งที่น่าจับตามองในอินโดนีเซีย ด้าน Grab ปฏิเสธให้ความเห็น
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ชี้ว่าขนาดกองรถของ GSM ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับ Grab และ Gojek ที่มีรถให้บริการนับล้านคันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมองว่าการบุกตลาดอินโดนีเซียครั้งนี้ยังไม่ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทั้งสองบริษัท
ทั้งนี้ GoTo ได้ถอนตัวออกจากหลายประเทศรวมถึงไทยและเวียดนามเพื่อปรับโครงสร้างต้นทุน สะท้อนถึงความท้าทายในการเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ในภูมิภาค
อ้างอิง www.bloomberg.com