MOVIE STATION : “The Legend of Ochi” แฟนตาซีที่ไม่ได้มีดีแค่ความน่ารัก แต่ซ่อนความหมายลึกซึ้งไว้ทุกฉาก
มาแล้วจ้าทุกคน ขอต้อนรับเข้าสู่ MOVIE STATION วันนี้ เนเรซ จะพาทุกคนไปยังโลกแห่งจินตนาการที่สนุกสนานไม่แพ้สิ่งใด ใครที่เป็นสาวกคนรักหนังเชิญมาทางนี้ได้เลยค่ะ ซึ่ง เนเรซ จะพาทุกคนไปสัมผัสสิ่งมีชีวิตที่น่ารักอยู่บนโลกเหนือจินตนาการกับภาพยนตร์ เรื่อง “The Legend of Ochi โอชิ อสูรขี้อ้อน พา “น้อน” กลับบ้าน” ที่จะพาทุกคนไปตะลุยและผจญภัยไปกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ บอกเลยว่าดูแล้ว อยากกลับบ้านไปหาครอบครัวเลยค่ะทุกคน
โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นตำนานเหนือจินตนาการที่จะเชื่อมสายใยสองเผ่าพันธ์ด้วยผลงานภาพยนตร์แนวผจญภัย แฟนตาซี ครอบครัว เรื่องแรกของค่ายหนังคุณภาพอย่าง A24 ที่อยากให้ลองสัมผัส ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในหมู่บ้านที่ห่างไกลบนเกาะคาร์เพเธีย กลางทะเลดำ มีเด็กสาวบ้านนาขี้อายคนนึงชื่อ ยูริ (เฮเลน่า เซงเกิล) เธอถูกเลี้ยงดูมาให้กลัวสัตว์ลึกลับที่รู้จักกันในชื่อ โอชิ แต่เมื่อยูริค้นพบว่าลูกโอชิที่บาดเจ็บตัวนึงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เธอจึงหนีออกจากบ้าน ไปผจญภัยครั้งใหญ่ในชีวิตเพื่อส่งมันกลับบ้าน
รีวิว “The Legend of Ochi โอชิ อสูรขี้อ้อน พา “น้อน” กลับบ้าน” จาก เนเรซ (8.5/10 คะแนน) ความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ในความเรียบง่าย
หลังจากได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว เนเรซขอให้คะแนนความสนุกที่ 8.5/10 ค่ะ ถึงแม้ว่าภาพยนตร์ดังกล่าวจะถูกจัดอยู่ในหมวดของแฟนตาซี แต่เส้นเรื่องกลับไม่ได้สอนถึงบทเรียนในการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน แต่กลับมีการซ่อนผ่านทางการสื่อสารความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในบทสนทนาเพียงไม่กี่ประโยค และผ่านสีหน้า แววตา และความเงียบที่ชวนให้เราตีความตามประสบการณ์ของตนเอง ความไม่เข้าใจของพ่อแม่ ความหวาดกลัวต่อโลกภายนอก หรือแม้แต่ความกล้าของเด็กคนหนึ่งที่อยากเป็นตัวของตัวเอง ล้วนซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่แสนเรียบง่ายนี้
ความสมจริงที่แตกต่างและที่น่าประทับใจ
ส่วนเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ดังกล่าว จัดเป็นแนวเด็กและครอบครัว ที่แตกต่างชัดเจน ในส่วนนี้ถือว่าดีในระดับนึงไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ คือ มีการสื่อถึงความเป็นอยู่ในการใช้ชีวิต ความสกปรกในสภาพบ้าน รถ สิ่งแวดล้อม ที่ดูดิบในระดับนึง ดูแล้วไม่ได้สวยงามมากมาย แต่เส้นเรื่องถือว่าดูได้เรื่อยๆ ไม่ได้ยืดเยื้อสักเท่าไร แต่ไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไร พอดูไปสักระยะเริ่มไปในทางน่าเบื่อไปสักหน่อย แต่ภาพรวมถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการรับชมสักเท่าไร
เสน่ห์ที่เกินคาดของ "น้องโอชิ"
สำหรับตัวเนเรซรู้สึว่าจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การสร้างทุกอย่างไว้แบบไม่ได้อธิบายอะไรอย่างชัดเจน แต่จะค่อยๆ คลายปมในแต่ละส่วน เพื่อให้คนที่รับชมได้มีการร่วมใช้จินตนาการไปกับภาพยนตร์ดังกล่าว ซึ่งในช่วงแรกภาพยนตร์ไม่ได้พยายามที่จะสื่อหรืออธิบายว่าถึงเจ้าตัว “โอชิ” เลยว่า คืออะไร มาจากไหน หรือดีร้ายอย่างไร แต่เนื้อเรื่องจะค่อยๆ ปล่อยให้เราได้ทำความรู้จักน้อง ผ่านสายตาและการกระทำ มากกว่าคำพูด ซึ่งยิ่งทำให้น้องดูมีชีวิตมากยิ่งขึ้น และในส่วนของนักแสดงผู้ที่มารับบทเป็นยูริ ตัวละครเอกผู้กล้าหาญ มีความซับซ้อนทางอารมณ์ คือนักแสดงหญิงวัย 16 ปีชาวเยอรมันชื่อ “เฮเลน่า เซนเกิล” ซึ่งเป็นตัวเดินเรื่อง ได้ประกบคู่กับ “ทอม แฮงค์ส” ซึ่งแต่ละคนที่ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ดีเลยทีเดียว ทำให้เนื้อเรื่องมีความสนุกขึ้นมาอีก
งานภาพที่ชวนให้ย้อนวันวาน มีสเน่ห์แบบย้อนยุคที่ไม่ต้องพึ่ง CGI
แถมเรื่องนี้มีเทคนิคการเชิดหุ่นกระบอกถูกใช้ในการสร้างตัวละครโอชิ แทนการใช้ CGI เพื่อให้การเคลื่อนไหวของน้องมีน้ำหนัก สมจริง และน่าเชื่ออย่างน่าอัศจรรย์ พอเนเรซได้ชมนึกว่าใช้สัตว์จริงๆ มาร่วมแสดง แต่ที่ประทับใจมากที่สุด น้องน่ารักมาก อยากจะกระโดดข้ามจอเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านเลยจ้า ซึ่งในระหว่างที่เนเรซอยู่ในโรงภาพยนตร์ก็ได้มีเสียงความเอ็นดูน้องจากท่านผู้ชมมากมาย เพราะในเรื่องคือน้องน่ารักมาก และในส่วนงานภาพของเรื่องนี้คือความสวยงามที่ทรงพลังในทุกมิติ ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังแฟนตาซียุค 80s ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์โดยไม่ต้องพึ่ง CGI การถ่ายทำในธรรมชาติจริงที่ไม่ต้องปรุงแต่ง ชวนให้เราจมอยู่ในโลกแฟนตาซีที่หน้าหลงใหล ทำให้นึกถึงตอนเด็กๆ
ภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แค่สำหรับเด็ก แต่ให้ความอบอุ่นไปสู่ความรักของครอบครัว
สิ่งสุดท้ายของเรื่องนี้จึงไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ดูได้แค่เด็ก แต่มันเป็นภาพยนตร์ที่อยากจะเปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ได้รับชม เพื่อฟังเสียงหัวใจและความต้องการของตนเองที่อยากทำเพื่อครอบครัว บางคนกล้าที่จะเชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลมากกว่าสิ่งที่เข้าใจ และกลัวการที่จะสร้างแรงบันดาลใจผลักดันให้คนสำคัญในครอบครัวทำสิ่งที่รักและอยากทำ โดยรวมเรื่องนี้ได้สอดแทรกข้อคิดในการใช้ชีวิตกับคนในครอบครัว โดยช่วงท้ายของเรื่องที่ทุกอย่างคลี่คลาย นำไปสู่ความรักของแม่ที่มีให้ลูก ไม่ว่าจะกับมนุษย์หรือสัตว์ ต่างก็รักลูกไม่แพ้กัน แต่เรื่องนี้อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะกับคนเฉพาะกลุ่ม แต่ถ้าใครอยากรู้ถึงความน่ารักของตัว “น้องโอชิ” สามารถรับชมภาพยนตร์เรื่อง “The Legend of Ochi โอชิ อสูรขี้อ้อน พา “น้อน” กลับบ้าน” ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
MOVIE STATION
โดย เนเรซ